“วัชรพล” สั่งเร่งรัดติดคามคดีสำคัญช่วงชุมนุมและมีการใช้อาวุธสงคราม กว่า 17 คดี พร้อมให้รายงานความคืบหน้าทุก 7 วัน เผยผู้ต้องหาคดีหมิ่นเบื้องสูงบางรายหนีกบดานเขมร จี้ จนท.เร่งตามตัวมาดำเนินคดี
วันนี้ (22 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยภายหลังการประชุมเพื่อเร่งรัดติดตามคดีสำคัญว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งมอบหมายให้ควบคุมกำกับดูแลและเร่งรัดคดีสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการชุมนุม และกรณีใช้อาวุธสงคราม ระเบิดก่อเหตุ ทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ขณะนี้ได้มีการรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการทั้งหมด 17 คดี โดยมี พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ มาเป็นที่ปรึกษาด้านการทำงาน และได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ชัยยง กีรติขจร ผช.ผบ.ตร. เป็นหน้าคณะการทำงาน พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ เป็นรองหัวหน้าคณะทำงาน พล.ต.ต.สานิต โพธิ์พูลศักดิ์ รักษาการตำรวจภูธรภาค2 มาเป็นคณะทำงานเร่งรัดคลี่คลาดในการสืบสวนสอบสวน ความคืบหน้าคดีสำคัญคือ คดีหน้าวัดศรีเอี่ยม กรณียิงแกนนำผู้ชุมนุมในส่วนของ คปท. เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต คือ นายสุทิน ธราทิน
นอกจากนี้ ได้มีการสอบสวนและมีการดำเนินคดี รวมทั้งมีการแจ้งข้อหาผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในเหตุการดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้มีรายงานสั่งการให้ พล.ต.ท.ชัยยง และ พล.ต.ท.ก่อเกียรติ ไปเพิ่มเติมการสอบสวนให้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงกลุ่มสืบสวนติดตามผู้ชุมนุมที่มาดักทำร้ายนายสุทิน ธราทิน บริเวณหน้าวัดศรีเอี่ยม ว่ามีผู้ใดที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทางเจ้าหน้าที่จะสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป
ส่วนกรณีที่มีคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงเข้าไปในบ้านนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรเกี่ยวกับเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชันนั้น มีรายงานผลการสืบสวน ซึ่งพอทราบเบาะแสของผู้ที่กระทำความผิด เบื้องต้นได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ชัยยง และ พล.ต.ท.ก่อเกียรตินำข้อมูลทั้งหมดไปสอบสวนและขยายผลการติดตาม โดยจะให้เวลาการสอบสวน 7 วัน ส่วนคดียิงแกนนำ กปปส.มีความคืบหน้าถึงคนร้ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังจับกุมตัวไม่ได้หลายคน
ทั้งนี้ พล.ต.ต.พิสิทธิ์ยังให้มูลรวมถึงกลุ่มคนร้ายในคดีหมิ่นสถาบันแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่าหนีไปกบดานที่เขมร จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สานิตไปรับผิดชอบในพื้นที่ภาคตะวันออกและพื้นที่เกี่ยวข้องทางเขมร เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร. ได้เร่งรัดให้สืบสวนติดตามคดีที่สำคัญมาโดยตลอด รวมทั้งมีคำถามที่ว่าทำไมคดีถึงล่าช้า ทำไมยังจับกุมคนร้ายไม่ได้ ขณะนี้คดีที่เกิดชึ้น การรวบรวมพยานหลักฐาน การตรวจพิสูจน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำสั่งของคณะหัวหน้า คสช.ได้มีความชัดเจนในเรื่องความยุติธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ ทุกคดีจะต้องมีความคลี่คลายและสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ทั้งหมด
พล.ต.อ.เอกกล่าวอีกว่า ขณะนี้หลายคดีมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่มีข้อมูลเบาะแสของคนร้ายที่กระทำความผิดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหรือผู้ก่อเหตุ แต่ข้อมูลและเบาะแสเป็นเพียงแนวทางในการติดตามสืบสวนหาตัวคนร้ายเท่านั้น ทางเจ้าหน้าที่จะต้องมีพยานหลักฐาน เพื่อสนับสนุนในการดำเนินการมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าเป็นการก่อเหตุของคนสีใด หรือกลุ่มใดก็ตามหากกระทำความผิดจะจับกุมตัวมาดำเนินคดีแน่นอน เพราะตำรวจเป็นของประชาชน ของทุกฝ่าย หากตำรวจไปกระทำความผิดก็ไม่มีการละเว้นโทษ ขอยืนยันว่าหากมีหลักฐานการกระทำผิดทั้งหมด ที่ระบุชัดเจนและสามารถตรวจสอบพิสูจน์ได้ จะดำเนินการจับกุมตัวคนร้ายทันที รวมทั้งทุกคดีจะมีความคืบหน้าเป็นระยะ หรือทุก 7 วัน หากไม่มีความคืบหน้ามาชี้แจง จะทำการพิจารณาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้นๆ