อธิบดีกรมศุลกากร แถลงผลการจับกุมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลลักลอบหนีศุลกากรเเละหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามข้อกำกัด ซึ่งเป็นรถเก่าสำแดงเท็จว่าเป็นรถใหม่ รวม 30 คัน มูลค่ากว่า 21.6 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มี 7 คัน ที่เป็นรถถูกโจรกรรมจากประเทศมาเลเซีย ก่อนส่งไปขายในประเทศที่ 3 เผยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้(9 มิ.ย.) ที่กรมศุลกากร นายราฆพ ศรีศุภอรรถ อธิบดีกรมศุลกากร ร่วมกับ H.E. Dato' Nazirah binti Hussain (ยัวร์เอ็กเซเลนซี ดาโต๊ะ นาซิรา บินติ ฮุสเซน) เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย Mr. Fauzi Khan Ismail (นายฟาซี คาน อิสมาล) อัครราชทูตมาเลเซีย (ฝ่ายตำรวจ) ร่วมกันแถลงผลการจับกุมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลลักลอบหนีศุลกากรเเละหลีกเลี่ยงอากร ข้อห้ามข้อกำกัด ซึ่งเป็นรถเก่าสำแดงเท็จว่าเป็นรถใหม่ รวม 30 คัน มูลค่ากว่า 21.6 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้มี 7 คัน ที่เป็นรถถูกโจรกรรมจากประเทศมาเลเซีย ก่อนส่งไปขายในประเทศที่ 3 โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน
นายราฆพกล่าวว่า สืบเนื่องจากสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยได้รับข้อมูลว่าได้มีแก๊งโจรกรรมรถได้ขโมยรถจากมาเลเซียแล้วบรรจุใส่ตู้คอนเทนเนอร์ที่ประเทศสิงคโปร์เพื่อเปลี่ยนสัญชาติ โดยสำเเดงเเปลงสภาพให้เป็นรถใหม่ จากนั้นนำเข้ามาในประเทศไทยโดยปะปนกับรถใหม่ซึ่งเข้ามาเป็นปกติอยู่แล้ว กว่า 1,000 คัน ก่อนที่จะเเยกรถเเปลงสภาพดังกล่าวส่งออกโดยผ่านด่านแหลมฉบัง คลองใหญ่ เเม่สอด เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น กัมพูชา เเอฟริกาใต้ ตะวันออกกลาง จีน สิงคโปร์ จากการตรวจสอบพบว่าโดยส่วนมากรถที่ถูกโจรกรรมนั้นมักจะเป็นรถชนิดขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) เนื่องจากเหมาะกับการใช้ขับขี่ในพื้นที่ทุรกันดาร ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ภายในปี 2557 โดยเมื่อต้นปีสามารถจับกุมได้ทั้งหมด 15 คัน ซึ่งรวมกับจับกุมครั้งนี้รวมทั้งสินเป็นจำนวน 45 คัน
นายราฆพกล่าวต่อว่า สำหรับสาเหตุที่ใช้ประเทศไทยถูกใช้เป็นทางผ่านในการส่งออกรถนั้นเนื่องจากกรมศุลกากรอำนวยความสะดวกในการนำเข้าเเละส่งออกสินค้า จึงอาจเป็นช่องว่างทำให้มีการลักลอบกระทำความผิดได้ง่าย ทางกรมศุลกากรจะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากรมีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวหรือไม่ หากตรวจพบทางกรมศุลกากรจะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่ามีคนไทยเป็นผู้ร่วมขบวนการด้วย จึงได้ประสานงานกับกองบัญชาการตำรวจต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อทำการสกัดกั้นต่อไป
นายราฆพกล่าวอีกว่า สำหรับการนำเข้ารถหรูในประเทศไทยนั้น ยังคงมีการนำเข้าอย่างต่อเนื่อง แต่จะมีเฉพาะบางรุ่น บางยี่ห้อเท่านั้น ซึ่งทางกรมศุลกากรมีการเก็บภาษีในอัตราที่สูงมาก ส่วนกรณีคดีค้างเก่าเกี่ยวกับรถหรูนั้น ทางกรมศุลกากรยังคงดำเนินการเเละติดตามอย่างต่อเนื่องซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการตรวจสอบและพิสูจน์ โดยยังต้องใช้เวลาในการตรวสอบหาผู้กระทำความผิดต่อไป
H.E. Dato' Nazirah binti Hussain กล่าวว่า ขอบคุณทางสถานกรมศุลกากรของไทย ที่ช่วยประสานงานเเละให้ความร่วมมือกระทั่งสามารถนำรถที่ถูกโจรกรรมกลับคืนมาได้ โดยในอนาคตทางมาเลเซียเเละประเทศไทยจะร่วมหารือเเละประสานงานกันอย่างเข้มงวด เพื่อลดปัญหาดังกล่าว
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหานำหรือพาของที่ยังไม่ได้เสียค่าภาษี หรือของที่ยังไม่ผ่านกรมศุลกากร โดยไม่ถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร หรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือซื้อ หรือรับไว้ด้วยประการใดๆ ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่นำเข้ามาราชอาณาจักรโดยสำแดงเท็จ หลีกเลี่ยงอากร ข้อห้าม หรือข้อจำกัด อันเป็นความผิดฐานลักลอบหนีศุลกากรตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 และเป็นความผิดฐานสำแดงเท็จหลีกเลี่ยงอากรตามมาตรา 99,27 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2469 ประกอบมาตรา 16, 17 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมยึดของกลางนำส่งกรมศุลกากรเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป