รรท.ผบช.ภ.1 แถลงข่าวจับกุมสองหนุ่มใหญ่อยุธยา งัดแงะตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ สาขานิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ฉกเงินสดล้านกว่าบาทแบ่งกันก่อนหลบหนี สารภาพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง แต่เป็นหนี้พนันและธุรกิจเจ๊งกว่า 3 ล้านบาท จึงนำความรู้ทางช่างมาก่อเหตุ ก่อนถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวได้
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (30 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบช.ก รร.ท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบก.สส.ภ.1 และ พ.ต.อ.ปรีชา คงจัด ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.1 ร่วมแถลงข่าวการจับกุม นายถาวร ทองไทย อายุ 45 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา และนายสมชาติ ภมร อายุ 49 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมของกลางสดจำนวน 50,000 บาท จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซูมเมอร์เอ็กซ์ สีขาว-ดำ ทะเบียน 1 กฮ 5385 กทม. ชะแลง 2 อัน ชุดปลั๊กไฟและสายไฟ 1 ชุด ใบตัดเหล็ก 1 ใบ และเครื่องตัดเจียรไฟฟ้า 1 ตัว โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.คเชนทร์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 01.45 น.ของวันที่ 14 เม.ย. 57 ที่ผ่านมา สัญญาณนิรภัยของตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ สาขานิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ต.บางพระครู อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ขาดหายไป ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น.ของวันที่ 16 เม.ย. 57 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครหลวงได้รับแจ้งเหตุมีการงัดตู้เอทีเอ็มซึ่งมีเงินสดหายไปจำนวน 1,743,200 บาท คนร้ายทิ้งหลักฐานเป็นชะแลงจำนวน 2 อัน และใบหินเจียรที่ใช้ตัดและเจาะตู้เอทีเอ็ม เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามสืบสวนเพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวนายสมชาติได้ จากการสอบสวนนายสมชาติให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกับนายถาวรลักทรัพย์ตู้เอทีเอ็มดังกล่าวจริง
นายถาวรกล่าวว่า เดิมตนมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างจึงนำความรู้ที่มีอยู่มาใช้ในการก่อเหตุครั้งนี้เพื่อหาเงินไปใช้หนี้สินจำนวนกว่า 3 ล้านบาทซึ่งเกิดจากการเล่นการพนันและขาดทุนจากการทำธุรกิจส่วนตัว ตนจึงต้องการที่จะหาเงินมาใช้หนี้ ได้ชักชวนนายสมชาติให้มาร่วมก่อเหตุ โดยนายสมชาติทำหน้าที่ตัดต่อกระแสไฟฟ้าเพื่อให้นายถาวรใช้เครื่องเจียรทำการตัดประตูและเซฟ ก่อนนำเอาเงินสดจำนวนดังกล่าวไป การก่อเหตุครั้งนี้ตนไม่ได้วางแผนมาก่อน เมื่อเห็นตู้เอทีเอ็มดังกล่าวตั้งอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่านและสบโอกาสจึงก่อเหตุ ใช้เวลาประมาณ 28 นาที จากนั้นตนได้ให้เงินนายสมชาติจำนวน 4 แสนบาท ทั้งนี้ตนขอรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากนายสมชาติไม่ได้รู้เห็นกับตน นายสมชาติเพียงแต่ตกกระไดพลอยโจนไปกับตนเท่านั้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์นั้น โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการนำทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.นครหลวง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป