ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจภาค 5 รวบหนุ่มเมืองคอน ก่อเหตุใช้ยาสลบสัตว์มอมเหยื่อสาวที่รู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊ก และนัดเจอกันที่อุดรธานี ก่อนชิงรถยนต์ และทรัพย์สินหลายรายการ อ้างทำเป็นครั้งแรกเพราะต้องการหาเงินใช้หนี้พนันบอล
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัวนายสิริเวช สิทธิเวช อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาชิงทรัพย์ตามหมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ลงวันที่ 10 มี.ค.57 พร้อมของกลางรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่น Civic สีขาว หมายเลขทะเบียน กจ 664 หนองคาย
ทั้งนี้ การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องมาจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ได้รับการประสานจาก สภ.เมืองอุดรธานี ว่า เมื่อวันที่ 7 มี.ค.57 นายสิริเวช ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืน ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี โดยใช้ยาสลบผสมในเครื่องดื่มให้ผู้เสียหายดื่ม
จากนั้นได้นำเอาทรัพย์สินเป็นรถยนต์ของกลาง สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 1 เส้น โทรศัพท์มือถือไอโฟน 5 จำนวน 1 เครื่อง และเงินสด 4,000 บาท หลบหนีกลับไปยังจังหวัดเชียงราย กระทั่งถูกติดตามจับกุมได้ที่ อ.พาน จ.เชียงราย ระหว่างกำลังขับรถจากเชียงรายไปหาภรรยาที่เป็นชาวจังหวัดพะเยา
เบื้องต้น นายสิริเวช รับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง โดยรู้จักกับผู้เสียหายมาได้ประมาณ 2 เดือนผ่านทางเฟซบุ๊ก ก่อนที่จะมีการนัดพบกัน ซึ่งตนได้เดินทางจากจังหวัดเชียงราย พร้อมกับภรรยาด้วยรถจักรยานยนต์ไปจังหวัดอุดรธานี เมื่อพบผู้เสียหายแล้วได้ชักชวนกันเข้าพักในอพาร์ตเมนต์ จากนั้นลงมือก่อเหตุดังกล่าวด้วยการใช้ยาสลบที่ซื้อมาจากร้านขายยาสัตว์ผสมในเครื่องดื่มให้ผู้เสียหายดื่มจนสลบ แล้วนำเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไป
โดยไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหาย และอ้างว่าทำเป็นครั้งแรก เพื่อหาเงินใช้หนี้พนันฟุตบอล ซึ่งเจ้าหน้าที่จะส่งตัวให้ สภ.เมืองอุดรธานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า ยาสลบที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุนั้นปกติเป็นยาสลบที่ใช้กับสัตว์ และการจำหน่ายจะต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น ซึ่งจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนหาที่มาของยาดังกล่าวต่อไป เพราะถือว่าเป็นอันตราย เนื่องจากคนร้ายสามารถนำไปก่อเหตุได้ พร้อมกันนี้ แจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังตัวในการเล่นโซเชียลมีเดียต่างๆ เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้