ก.ตร.มีมติเปิดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10) และรอง ผบ.ตร. เยียวยากรณี “วุฒิ” ร้องศาลปกครองถูกข้ามอาวุโส
วันนี้ (18 พ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมศรียานนท์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รักษาการรองนายกรัฐมนตรี เดินทางเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งที่ 5/2557 โดยมีวาระสำคัญเรื่องการขอกำหนดตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.จำนวน 2 ตำแหน่ง และที่ปรึกษา (สบ 10) จำนวน 2 ตำแหน่ง เพื่อเยียวยากรณีที่ พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ 10) ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง ว่าการจัดลำดับอาวุโสข้าราชการตำรวจระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ในวาระประจำปี 2554 ลงวันที่ 15 ส.ค. และ 24 ส.ค. 2554 ไม่ถูกต้องตามระเบียบ ก.ตร.ว่าด้วยการกำหนดลำดับอาวุโสของข้าราชการตำรวจในการรักษาราชการแทน พ.ศ. 2550 ข้อ 3 (5) ซึ่งศาลได้พิพากษาให้การลำดับอาวุโสดังกล่าวเฉพาะตำแหน่งของ พล.ต.อ.วุฒิ เป็นการจัดลำดับอาวุโสที่มิชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีวาระการขอกำหนดตำแหน่ง รอง ผบช.ศชต.อีก 1 ตำแหน่งด้วย
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) กล่าวภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีวาระพิจารณาดำเนินการตามคำสั่งของศาลปกครองกลางกรณี พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ 10) ยื่นฟ้องต่อศาล และต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และก.ตร.ดำเนินการแก้ไขปัญหาการจัดลำดับอาวุโส ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ โดยการแก้ไขลำดับอาวุโสให้เป็นไปตามคำสั่งศาลปกครองกลาง อย่างไรก็ตามเมื่อมีการแก้ไขลำดับอาวุโสดังกล่าวแล้ว จะต้องมีการดำเนินการเยียวแก้ไขการแต่งตั้งย้อนหลังไปในปี 2554-2555 ให้เป็นไปตามแนวทางคำสั่งของศาล
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อไปว่า เรื่องนี้นอกจากจะเกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.วุฒิ ผู้ฟ้องคดีแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.อมรินทร์ อัครวงษ์ อดีตจเตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.พีระ พุ่มพิเชฏฐ์ด้วย กล่าวคือจะมีการคืนความชอบธรรมให้แก่ พล.ต.อ.วุฒิ โดยการแก้ไขการแต่งตั้งโยกย้ายวาระประจำปี 2554 โดยให้ถอนคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.อมรินทร์ขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ 10) และแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.วุฒิ (ยศในขณะนั้น) ซึ่งมีอาวุโสสูงกว่าขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ 10) แทน และเมื่อมีการถอนการคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.อมรินทร์ ดังกล่าวเกรงว่า พล.ต.ท.อมรินทร์ จะได้รับความเสียหาย จึงได้เปิดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10) และแต่งตั้งย้อนหลังให้ พล.ต.ท.อมรินทร์ เป็นที่ปรึกษา (สบ 10) นอกจากนี้พบว่า พล.ต.ท.พีระ (ยศในขณะนั้น) มีลำดับอาวุโสสูงกว่าทั้ง 2 ท่าน จึงเปิดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ10) และแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.พีระขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ 10) ขณะที่ในวาระแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2555 แต่งตั้งให้กำหนดตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.เพิ่ม 2 ตำแหน่ง และให้แต่งตั้ง พล.ต.อ.พีระ และพล.ต.อ.วุฒิ เป็นรอง ผบ.ตร. โดยให้ถือว่าทั้ง 2 ท่านดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ตั้งแต่ปี 2555 อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งทั้งหมดที่กำหนดขึ้นใหม่ถือว่าเป็นตำแหน่งเฉพาะตัว หลังวันที่ 30 ก.ย.นี้ ตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ทั้ง 2 ตำแหน่งก็จะถูกยกเลิกไปโดยอัตโนมัติ จากการเกษียณอายุราชการของ พล.ต.อ.พีระ ในขณะที่ พล.ต.อ.วุฒิ ก็จะดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร. แทน พล.ต.อ.รชต เย็นทรวง รอง ผบ.ตร.ที่เกษียณอายุราชการ หลังจากนี้จะนำตำแหน่งที่กำหนดใหม่นี้เสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่มีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณาขอความเห็นชอบในสัปดาห์หน้า แล้วนำกลับมาขอความเห็นชอบต่อที่ประชุม ก.ตร.เพื่อแต่งตั้งต่อไป
โฆษก ตร.กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบกำหนดตำแหน่งรอง ผบช.ศชต.เพิ่มอีก 1 ตำแหน่ง ตามที่ ศชต.เสนอมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติขอให้ ก.ตร.เห็นชอบ เนื่องจากเดิมที ศชต. มีรอง ผบช.จำนวน 5 ตำแหน่ง แต่ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ได้ขอรอง ผบช.ศชต.ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นการถาวร 1 ตำแหน่ง จึงทำให้การปฏิบัติราชการของ ศชต.ยังขาดรอง ผบช.อยู่ 1 ตำแหน่ง จึงได้ขอกำหนดตำแหน่งเพิ่ม อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ก็ต้องขอความชอบจาก ก.ต.ช.เช่นเดียวกัน ก่อนที่จะนำกลับเข้าสู่การแต่งตั้งตามปกติต่อไป