ผบช.สตม. แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนหลบหนีคดีฉ้อโกงในประเทศจีน 3 คดี ได้ตัวผู้ต้องหา 5 คน หลบหนีเข้ามากบดานในประเทศไทย
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (6 พ.ค.) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต, พล.ต.ต.สุกิจ โคอินทรางกูร, พล.ต.ต.มนตรี โปรตระนันทน์, พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี, พล.ต.ต.ณัฐธร เพราะสุนทร รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.วราวุธ ทวีชัยการ ผบก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน คดีฉ้อโกงทรัพย์ จำนวน 3 คดี รวมผู้ต้องหา 5 ราย
พล.ต.ท.ภาณุ กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับการประสานขอความร่วมมือจากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้สืบสวนติดตามจับกุมตัวแก๊งชาวจีนดังกล่าว ซึ่งได้กระทำความผิดในคดีฉ้อโกงทรัพย์ที่ประเทศจีน ก่อนหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย โดยคดีแรกนายเกาเฟิง อายุ 35 ปี, นายเกาหยี่ อายุ 30 ปี และนายเฟิงเจี่ยนจวิน อายุ 47 ปี ทั้งสามเป็นชาวจีน ซึ่งร่วมกันหลอกลวงชาวจีนด้วยกันให้ลงทุนก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ และนำอสังหาริมทรัพย์นั้นไปค้ำประกันกับธนาคารหุยซัง ในประเทศจีน เพื่อกู้ยืมเงิน ก่อนกลุ่มผู้ต้องหาจะนำเงินที่ได้หลบหนีเข้ามากบดานอยู่ในประเทศไทย ที่อ.สารภี จ.เชียงใหม่ มูลค่าความเสียหายในคดีนี้กว่า 50,000,000 หยวน หรือประมาณ 250,000,000 บาท
พล.ต.ท.ภาณุ กล่าวต่อว่า คดีที่ 2 ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สามารถจับกุมนายหลัวเซี่ยผิง อายุ 44 ปี ชาวจีน ที่หลอกลวงชักชวนผู้เสียหายในประเทศจีนกู้ยืมเงินธนาคาร เพื่อนำมาการปล่อยกู้ โดยอ้างว่าจะได้ผลตอบแทนในอัตราสูง จากนั้นผู้ต้องหาได้นำเงินที่ผู้เสียหายกู้มาจากธนาคาร มูลค่ากว่า 35,000,000 หยวน หรือกว่า 180,000,000 บาท หลบหนีมาเปิดร้านอาหารอยู่ในประเทศไทย ที่ถนนประชาอุทิศ เขตห้วยขวาง กทม. และคดีที่ 3 สามารถจับกุมนายกู่จือผิง อายุ 52 ปี ชาวจีน โดยถูกตำรวจจับกุมได้ที่ร้านอาหารในซอยมัณฑนา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังไปหลอกลวงผู้เสียหายในประเทศจีนว่าจะซื้อบ้านของผู้เสียหาย แต่กลับนำบ้านนั้นไปขายต่อ และนำเงินที่ได้จากการขายบ้านหลบหนีเข้ามาในไทย มูลค่าความเสียหายกว่า 600,000 หยวน หรือกว่า 3,000,000 บาท จากการกระทำความผิดที่ประเทศจีนในข้อหาฉ้อโกงทั้ง 3 คดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 413,000,000 บาท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตให้ถิ่นที่พำนักในราชอาณาจักรไทย และจะส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปยังประเทศจีน เพื่อให้ทางการของประเทศจีนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
