กองปราบปรามประชุมเร่งรัดสืบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูง กรณี “โกตี๋-โรส” เตรียมประสานสำนักอัยการสูงสุดขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
วันนี้ (18 เม.ย.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา รอง ผบช.ก.รักษาราชการแทน ผบก.ป. ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวน บก.ป.นำโดย พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่มพนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ บก.ป. เพื่อติดตามความคืบหน้าการสืบสวนติดตามจับกุมและดำเนินคดีต่อนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมทั้งกรณีที่มีการแจ้งความดำเนินคดีต่อ น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือโรส ในความผิดข้อหาเดียวกัน หลังจากมีคลิปภาพและเสียง ถูกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตอย่างแพร่หลายซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงสถาบันเบื้องสูง
พล.ต.ต.นรบุญ กล่าวว่า ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมาภายหลังมีการแจ้งความดำเนินคดีตอนายวุฒิพงศ์เอาไว้ ต่อมาศาลได้อนุมัติหมายจับแล้ว ตนจึงให้เวลาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ โดยในส่วนของ บก.ป.ก็จะตรวจสอบหาเบาะแสแหล่งที่พักอาศัยของนายวุฒิพงศ์แม้จะมีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า ได้หลบหนีออกนอกประเทศไทยไปแล้วก็ตาม รวมทั้งสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องก่อนจะเรียกประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในวันเดียวกันนี้
รรท.ผบก.ป.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบประวัติและการกระทำที่เข้าข่ายความผิดของนายวุฒิพงศ์ในกรณีอื่นๆ ซึ่งเกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระกันส่วนการทำงานครั้งนี้จะประสานกับทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ตรวจสอบเกี่ยวกับคลิปวิดีโอภาพและเสียงของนายวุฒิพงศ์ที่มีการเผยแพร่ในเว็บไซด์ต่างๆ ยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งรัดการสืบสวนสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อนายวุฒิพงศ์เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจของพี่น้องประชาชนและกระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของบุคคลทั่วไป
พล.ต.ต.นรบุญกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่บิดาและมารดาของ น.ส.ฉัตรวดี เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อบุตรสาวตนเองในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ในเบื้องต้นทราบว่าเหตุเกิดที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษนั้น ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก่อนประสานกับทางอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการต่อไปเนื่องจากเป็นการกระทำผิดที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร หากศาลพิจารณาออกหมายจับก็จะเข้าสู่กระบวนการขอส่งตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อไป
“อยากให้ประชาชนเข้าใจการปฏิบัติงานของตำรวจ ไม่อยากให้มองว่าคดีหมิ่นเบื้องสูงทำไมจึงใช้เวลาในการสืบสวนสอบสวนนานกว่าจะสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้เพราะกรณีดังกล่าวผู้กระทำความผิดมักจะหลบหนีออกนอกประเทศหรือไปหลบซ่อนตัวในประเทศซึ่งไม่ได้มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน จึงเป็นอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่” พล.ต.ต.นรบุญกล่าว