เลขาธิการ ป.ป.ส.แถลงข่าวจับกุมแก๊งค้ายาไอซ์ข้ามชาติ พร้อมของกลางยาไอซ์ 3.5 กิโลกรัม ผู้ต้องหาสารภาพจะนำยาไอซ์ไปขายให้ลูกค้าตามแหล่งท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์แต่พลาดท่าถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้เสียก่อน
วันนี้ (11 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงผลการจับกุมแก๊งค้ายาไอซ์ข้ามชาติ จำนวน 6 คน ได่แก่ นายนานัง ซูเฮนดร้า ชาวอินโดนีเซีย อายุ 37 ปี, นางอีติ โรเฮติ อาเซป เจลานี ชาวอินโดนีเซีย อายุ 38 ปี, นางฮาบีบะ ชาวอินโดนีเซีย อายุ 57 ปี, น.ส.อากีโน คามิลเล แม ชาวฟิลิปปินส์ อายุ 29 ปี, นายโอโกเล ฟรานซิส อีเซอู ชาวไนจีเรีย อายุ 35 ปี และนายฮาสซาน มามัน อายุ 32 ปี ชาวไนเจอร์ พร้อมของกลางเป็นยาไอซ์ 3.5 กิโลกรัม
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการที่ สำนักงาน ป.ป.ส.ได้สืบสวนติดตามเครือข่ายนักค้ายาเสพติดข้ามชาติกลุ่มนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ต้องหากลุ่มนี้มีพฤติการณ์ในการสั่งซื้อยาไอซ์จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ลักลอบส่งผ่านบริษัทส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์เพื่อนำมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว สร้างความเสียหายแก่ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศไทยเป็นอย่างมาก หลังจากที่สำนักงาน ป.ป.ส.ได้สืบสวนติดตามเครือข่ายนี้มาเป็นเวลานานอย่างต่อเนื่อง จึงทราบว่าในช่วงเทศสงกรานต์นี้จะมีการลักลอบส่งยาไอซ์เข้ามาในประเทศไทยเพื่อจำหน่ายตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใน กทม. ทั้งซอยนานา ถนนข้าวสาร และซอยคาวบอย โดยส่งมาจากเมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านทางบริษัท ทีทีไอ อินเตอร์จำกัด เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. จึงได้เฝ้าติดตามมาโดยตลอด
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา นายนานัง ซูเฮนดรา ชาวอินโดนีเซีย เดินทางมาที่บริษัทฯ เพื่อขอรับสินค้า เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและตรวจค้น พบยาไอซ์น้ำหนัก 530 กรัม ซุกซ่อนมาในแจกันแก้ว 2 ใบ จึงได้จับกุมและสอบสวนขยายผลจนทราบว่าจะนำยาไอซ์จำนวนดังกล่าวไปส่งให้เครือข่ายอีกส่วนหนึ่งซึ่งพักอยู่ที่โรงแรมธาราการ์เดนส์ ซอยรามคำแหง 164 แขวงและเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ จึงได้ติดตามไปตรวจค้นและสามารถจับกุมผู้ที่อยู่ในเครือข่ายดังกล่าวได้เพิ่มอีก 5 คน เป็นชาวอินโดนีเซีย 2 คน ไนจีเรีย 1 คน ไนเจอร์ 1 คน และฟิลิปปินส์อีก 1 คน
จากการตรวจค้นห้องพักพบยาไอซ์ที่ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเดินทางในห้องพักของผู้ต้องหาอีก 3 กิโลกรัม รวมเป็นของกลางยาไอซ์หนัก 3.53 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังผงแป้งสีขาวบรรจุอยู่ในถุงยางอนามัยอีก 49 ก้อน สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าจะนำยาไอซ์ทั้งหมดไปจำหน่ายในช่วงเทศสงกรานต์ ตามแหล่งท่องเที่ยวใน กทม. โดยจะมีนักท่องเที่ยวต่างๆ เหล่านั้นเดินทางมาท่องเที่ยวและหาซื้อยาไอซ์เพื่อนำไปเสพตามที่พักทั้งบริเวณซอยนาน ถนนข้าวสาร และซอยคาวบอย
ส่วนถุงแป้งจำนวน 49 ก้อนดังกล่าว ผู้ต้องหาให้การว่านำมาใช้ในการฝึกซ้อมเพื่อกลืนหรือซุกซ่อนไว้ในบริเวณร่างกายส่วนต่างๆ หลบเลี่ยงการตรวจพบของเจ้าหน้าที่ในขณะเดินทางผ่านจุดตรวจต่างๆ โดยเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ยังพบบัญชีรายชื่อของคนไทยและชาวต่างชาติอีก 12 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นผู้ที่กลุ่มผู้ต้องหาได้ชักชวนให้มาฝึกซ้อมการกลืนก้อนผงแป้งดังกล่าว ก่อนที่จะส่งตัวไปที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และนำยาไอซ์ซุกซ่อนกลับเข้ามาขายในประเทศไทยต่อไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีต่อผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มีอัตราโทษสูงสุดประหารชีวิต
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า “การจับกุมในครั้งนี้ถือเป็นการทลายเครือข่ายค้ายาไอซ์ข้ามชาติรายสำคัญ ล่าสุดมีแผนที่จะนำยาไอซ์เข้ามาจำหน่ายในช่วงสงกรานต์ ที่มีชาวต่างชาติและคนไทยเข้ามาท่องเที่ยว และร่วมกิจกรรมกันมากบริเวณซอยนานา ถนนข้าวสาร และซอยคาวบอย หลังจากนี้ สำนักงาน ป.ป.ส.จะได้ประสานกับ สำนักงาน ป.ป.ส. ประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไนจีเรีย และไนเจอร์ เพื่อขยายผลและติดตามยึดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
“สำหรับการประชุม ป.ป.ส.อาเซียนที่จะมีขึ้น จะมีการหยิบยกเครือข่ายข้ามชาติรายนี้ เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม เพื่อร่วมกันหาทางป้องกันและสกัดกั้นไม่ให้มีการส่งยาไอซ์ผ่านทาบริษัทขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ได้อีก โดยจะเชิญเลขาธิการ ป.ป.ส. จากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าร่วมประชุมเพื่อรับทราบและพิจารณาหาทางป้องกันและปราบปรามจับกุมอย่างเข้มงวด รวมทั้งปัญหายาบ้า และยาเสพติดชนิดอื่นๆ ด้วย” พล.ต.อ.พงศพัศกล่าว