ASTV ผู้นจัดการ - ดีเอสไอลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมลักลอบทิ้งขยะบ่อขยะแพรกษา ก่อนเข้าตรวจโรงงานฟอกหนังคาดเป็นต้นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ในบ่อขยะ ด้านเจ้าของโรงงานไหวตัวทัน ชิ่งหนีก่อนเจ้าหน้าที่มาถึง เตรียมออกหมายเรียก 200 โรงงานในบัญชีที่คาดว่ามีการลักลอบนำขขยะอุตสาหกรรมมาทิ้ง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (9 เม.ย.) นายภูวิช ยมหา ผู้อำนวยการตรวจบริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ ) และ ดร.สุรพล ชามาตย์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมกันนำกำลังเข้าตรวจสอบที่โรงงานฟอกหนังซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยเทศบาลบางปู 88 (ซอยโรงหมี่) หมู่ 6 ต.บางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อสุ่มเก็บตัวอย่างเศษหนังสัตว์และสารเคมีที่ใช้ในการฟอกหนัง เพื่อนำมาทำการตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับเศษหนังสัตว์และกากตะกอนอุตสาหกรรมที่พบในบ่อขยะภายในซอยแพรกษา ซึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นรอบที่สองเมื่อคืนวานนี้ แต่โรงงานฟอกหนังภายในซอยดังกล่าวได้ปิดทำการ คาดว่าเจ้าของน่าจะไหวตัวทันชิงปิดกิจการก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางไปถึง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจึงประสานตำรวจพื้นที่ให้ออกหมายเรียกตัวเจ้าของโรงงานเข้าพบ เพื่อชี้แจงและรับทราบข้อกล่าวหา
ด้านนายภูวิชเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการลักลอบทิ้งที่บ่อขยะแพรกษานั้น พบว่ามีประมาณ 200 โรง และได้ออกหมายเรียกทางผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ขนส่ง และผู้กำจัด รวมทั้งได้มีการเก็บตัวอย่างกากอุตสาหกรรมจากโรงงานในบัญชีรายชื่อ มาเปรียบเทียบกับกากอุตสาหกรรมที่พบในบ่อขยะ สำหรับคดีนี้ได้ยกขึ้นเป็นคดีพิเศษทั้งหมด เนื่องจากมีความผิดตาม พ.ร.บ. อยู่หลายฐานความผิด ส่วน พ.ร.บ. ไหนที่ผู้ประกอบการยอมให้มีการเปรียบเทียบปรับก็ยอมความเป็นคดีๆ ไป ซึ่ง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สั่งการแล้วว่า ให้คดีโรงงานที่เข้าจับกุมนั้นยกเป็นคดีพิเศษหมด นอกจากนี้จากการตรวจสอบรถบ่อขยะของเทศบาลบางปู ยังพบว่าได้มีการขนขยะอุตสาหกรรมไปทิ้ง ซึ่งจะได้ออกหมายเรียกไปทางเทศบาลบางปูว่าอนุญาตให้ขนขยะอุตสาหกรรมไปทิ้งได้อย่างไร สำหรับการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหมดใน จ.สมุทรปราการกว่า 10 โรง ได้มีการจักกุมดำเนินคดีแล้ว 7 โรง โดยจะทยอยจับกุมเรื่อยๆ เพื่อให้เป็นรูปแบบอย่างและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
ขณะที่ ดร.สุรพลกล่าวว่า การปราบปรามโรงงานเถื่อนจะต้องทำควบคู่กันไป เนื่องจากโรงงานเถื่อนจะไม่ได้มีการกำกับดูแล และโรงงานที่ไม่ได้ดูแลก็พบว่ามีการทิ้งของเสียที่มีโลหะหนักปนเปื้อนลงในน้ำ โดยโรงงานเหล่านี้เราจะจัดกำลังเข้ามาจับกุมการกระทำความผิดและพิจารณาดำเนินคดี เนื่องจากการทำความผิดทั้งหมดจะต้องมีขยะอันตรายและไม่มีอันตราย ซึ่งต้องอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติปี 2535 ในส่วนในบ่อขยะแพรกษาจากการตรวจสอบวานนี้พบว่า มีชิ้นส่วนหนังสัตว์ที่เกิดจากกระบวนการฟอก ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นห่วง โดยในส่วนในเขตของผู้ประกอบการคงจะต้องเข้าไปกำกับดูแลว่ามีการลักลอบมาทิ้งหรือไม่ ขณะที่โรงฟอกหนังที่ได้ปิดหลบหนีไปนั้น เชื่อว่าเป็นสถานที่ไม่ได้รับอนุญาตประกอบการ ตรงนี้ถ้าทางเทศบาลหรือทางผู้รับเหมาขนขยะนำไปทิ้ง ก็จะไปเป็นอันตรายมาก เนื่องจากหนังเหล่านี้มีการฟอกด้วยสารโครเมียมที่มีอันตรายเท่ากับสารตะกั่ว เมื่อนำไปฝังกลบในดินก็จะซึมเข้าสู่น้ำใต้ดิน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (9 เม.ย.) นายภูวิช ยมหา ผู้อำนวยการตรวจบริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ ) และ ดร.สุรพล ชามาตย์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมกันนำกำลังเข้าตรวจสอบที่โรงงานฟอกหนังซึ่งตั้งอยู่ภายในซอยเทศบาลบางปู 88 (ซอยโรงหมี่) หมู่ 6 ต.บางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อสุ่มเก็บตัวอย่างเศษหนังสัตว์และสารเคมีที่ใช้ในการฟอกหนัง เพื่อนำมาทำการตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบกับเศษหนังสัตว์และกากตะกอนอุตสาหกรรมที่พบในบ่อขยะภายในซอยแพรกษา ซึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นรอบที่สองเมื่อคืนวานนี้ แต่โรงงานฟอกหนังภายในซอยดังกล่าวได้ปิดทำการ คาดว่าเจ้าของน่าจะไหวตัวทันชิงปิดกิจการก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางไปถึง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจึงประสานตำรวจพื้นที่ให้ออกหมายเรียกตัวเจ้าของโรงงานเข้าพบ เพื่อชี้แจงและรับทราบข้อกล่าวหา
ด้านนายภูวิชเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการลักลอบทิ้งที่บ่อขยะแพรกษานั้น พบว่ามีประมาณ 200 โรง และได้ออกหมายเรียกทางผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ขนส่ง และผู้กำจัด รวมทั้งได้มีการเก็บตัวอย่างกากอุตสาหกรรมจากโรงงานในบัญชีรายชื่อ มาเปรียบเทียบกับกากอุตสาหกรรมที่พบในบ่อขยะ สำหรับคดีนี้ได้ยกขึ้นเป็นคดีพิเศษทั้งหมด เนื่องจากมีความผิดตาม พ.ร.บ. อยู่หลายฐานความผิด ส่วน พ.ร.บ. ไหนที่ผู้ประกอบการยอมให้มีการเปรียบเทียบปรับก็ยอมความเป็นคดีๆ ไป ซึ่ง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้สั่งการแล้วว่า ให้คดีโรงงานที่เข้าจับกุมนั้นยกเป็นคดีพิเศษหมด นอกจากนี้จากการตรวจสอบรถบ่อขยะของเทศบาลบางปู ยังพบว่าได้มีการขนขยะอุตสาหกรรมไปทิ้ง ซึ่งจะได้ออกหมายเรียกไปทางเทศบาลบางปูว่าอนุญาตให้ขนขยะอุตสาหกรรมไปทิ้งได้อย่างไร สำหรับการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหมดใน จ.สมุทรปราการกว่า 10 โรง ได้มีการจักกุมดำเนินคดีแล้ว 7 โรง โดยจะทยอยจับกุมเรื่อยๆ เพื่อให้เป็นรูปแบบอย่างและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
ขณะที่ ดร.สุรพลกล่าวว่า การปราบปรามโรงงานเถื่อนจะต้องทำควบคู่กันไป เนื่องจากโรงงานเถื่อนจะไม่ได้มีการกำกับดูแล และโรงงานที่ไม่ได้ดูแลก็พบว่ามีการทิ้งของเสียที่มีโลหะหนักปนเปื้อนลงในน้ำ โดยโรงงานเหล่านี้เราจะจัดกำลังเข้ามาจับกุมการกระทำความผิดและพิจารณาดำเนินคดี เนื่องจากการทำความผิดทั้งหมดจะต้องมีขยะอันตรายและไม่มีอันตราย ซึ่งต้องอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติปี 2535 ในส่วนในบ่อขยะแพรกษาจากการตรวจสอบวานนี้พบว่า มีชิ้นส่วนหนังสัตว์ที่เกิดจากกระบวนการฟอก ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นห่วง โดยในส่วนในเขตของผู้ประกอบการคงจะต้องเข้าไปกำกับดูแลว่ามีการลักลอบมาทิ้งหรือไม่ ขณะที่โรงฟอกหนังที่ได้ปิดหลบหนีไปนั้น เชื่อว่าเป็นสถานที่ไม่ได้รับอนุญาตประกอบการ ตรงนี้ถ้าทางเทศบาลหรือทางผู้รับเหมาขนขยะนำไปทิ้ง ก็จะไปเป็นอันตรายมาก เนื่องจากหนังเหล่านี้มีการฟอกด้วยสารโครเมียมที่มีอันตรายเท่ากับสารตะกั่ว เมื่อนำไปฝังกลบในดินก็จะซึมเข้าสู่น้ำใต้ดิน