ศาลยกฟ้อง อดีตรองโฆษกเพื่อไทย ไม่หมิ่น “เกียรติ สิทธีอมร”

ศาลยกฟ้อง คดี “เกียรติ สิทธีอมร” อดีตผู้แทนการค้าไทย ฟ้องหมิ่น “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” อดีตรองโฆษกเพื่อไทยพาดพิงเอี่ยววิ่งเต้นคดีนำเข้าบุหรี่นอก ชี้เป็น ส.ส.ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลและแสดงความเห็นโดยสุจริต

วันนี้ (27 มี.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี อ.1261/2554 ที่ที่นายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328

กรณี เมื่อวันที่ 6-7 มี.ค.54 นายยุทธพงศ์ จำเลยแถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ทำให้ประชาชนที่ได้อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ฉบับต่าง ๆ ที่ตีพิมพ์ออกจำหน่ายเข้าใจว่า โจทก์เป็นบุคคลที่วิ่งเต้นแทรกแซงคดี บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ยูไนเต็ด จำกัด สำแดงราคานำเข้าบุหรี่จากต่างประเทศอันเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โจทก์อาจได้รับผลประโยชน์จากต่างประเทศ โดยจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยแถลงข่าวในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทยว่าบุคคลใกล้ชิดรัฐบาลอาจจะแทรกแซงการทำงานเจ้าหน้าที่รัฐ ในการพิจารณาสั่งคดีผู้บริหารบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส ฐานร่วมกันแสดงราคานำเข้าบุหรี่ต่ำกว่าราคาปกติ ซึ่งสอดคล้องกับที่กรมสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นสมควรฟ้องและส่งสำนวนให้อัยการไปตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. 2552 เนื่องจากดีเอสไอเปรียบเทียบราคานำเข้าบุหรี่พบว่ามีราคาต่ำกว่าการนำเข้าบุหรี่ของบริษัท คิงเพาเวอร์ จนทำให้รัฐเสียหายประมาณ 68,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ข้อมูลดังกล่าวได้นำไปสู่การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี รัฐบาลขณะนั้น ซึ่งจำเลยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล โดยตั้งข้อสงสัยว่ามีการแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ และไม่ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาเอง จึงมีเหตุอันควรเชื่อว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นไปโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท พิพากษายกฟ้อง

ภายหลังนายยุทธพงศ์กล่าวว่า คดีนี้ศาลพิพากษายกฟ้อง ยืนยันว่าขณะนั้นตนเป็นรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ ทั้งนี้เห็นว่าคดีดังกล่าวทำให้รัฐเสียหาย 6.8 หมื่นล้านบาท ควรจะให้ศาลเป็นผู้ตัดสินชี้ขาด อย่างไรก็ตาม คดีผู้บริหารฟิลลิป มอร์ริสนั้น เมื่อเดือนกันยายน 2556 อัยการสูงสุดได้สั่งฟ้องคดีแล้ว นอกจากนี้นายเกียรติโจทก์ยังได้ยื่นในฟ้องแพ่ง เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท คดีอยู่ระหว่างรอผลคำพิพากษาในคดีอาญา