xs
xsm
sm
md
lg

อึ้ง! คดีสุดสลด “ทรพีฆ่ายกครัว” 3 ศพ สะท้อนภูมิคุ้มกันครอบครัวบกพร่อง-ทาสทุนนิยม

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ASTVสุดสัปดาห์ - ช่วงหัวค่ำวันที่ 9 มีนาคม 2557 ได้เกิดคดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญประชาชน ขึ้นภายในบ้านเลขที่ 99/15 ภายในหมู่บ้านเมลาวิลล์ ถนนเสมา-ฟ้าคราม ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวเนื้อที่กว่า 100 ตารางเมตร มีรั้วรอบขอบชิด ดูจากรูปลักษณะบ้านแล้วเชื่อว่าค่อนข้างเป็นครอบครัวที่มีฐานะทีเดียว
เสียงปืนขนาด 9 มม.ดังขึ้น 1 นัด ก่อนจะทิ้งระยะไว้เกือบ 1 นาที เสียงปืนก็ดังขึ้นอีก 1 นัด ก่อนที่อีกเสียงกระสุนปืนจะดังขึ้นตามมาอีก 1 นัดในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ท่ามกลางหมู่บ้านหรูที่บรรยากาศเงียบสงบ เสียงปืน 3 นัดนี้ไม่ได้ทำให้ชาวบ้านได้ยินแต่อย่างใด อันเนื่องมาจากบ้านพักใกล้เคียงล้วนแล้วแต่เป็นบ้านเดี่ยวเนื้อที่กว่า 100 ตารางวา เกือบทุกหลัง มีเครื่องปรับอากาศแอร์คอนดิชันติดไว้ที่ห้องนอนทุกหลังคาเรือน ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่ชาวบ้านจะเปิดแอร์พักผ่อนอยู่ในบ้านอย่างสบายใจเฉิบ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ชาวบ้านไม่ได้ยินเสียงปืนที่ดังขึ้น 3 นัดซ้อนแต่อย่างใด
คดีนี้เริ่มแดงขึ้นเมื่อ นายวัฒน์ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี นศ.ชั้นปีที่ 1 บุตรของ นายภานุวัฒน์ ศรพรหม อายุ 44 ปี นางเยาวลักษณ์ ศรพรหม อายุ 41 ปี และเป็นพี่ชายของนายภัทรยุทธ ศรพรหม อายุ 16 ปี ได้โทรศัพท์ไปหาป้าในช่วงสายของวันที่ 10 มีนาคม ว่าไม่สามารถติดต่อพ่อและแม่ได้ กลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับครอบครัวได้ให้ป้าไปช่วยดูหน่อย เนื่องจากตนเองได้ขับรถกระบะออกมานอกบ้านหาแฟนสาว
ทันทีที่ป้ารับสายโทรศัพท์หลานชายคนโตจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของน้องชายด้วยความรีบร้อนกระวนกระวายใจ เมื่อเปิดกุญแจเข้าไปในบ้านไม่พบการรื้อค้นสิ่งของแต่อย่างใด ภายในบ้านพักหรูหราดูเป็นระเบียบเรียบร้อยสะอาดสอ้าน ข้างฝาบ้านมีรูปครอบครัว “ศรพรหม” ติดไว้ข้างฝาอย่างอบอุ่น มีรูปลูกชายทั้งสองคนติดประดับไว้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่หลายรูปด้วยกัน ซึ่งคนภายนอกเมื่อเข้ามาสัมผัสรูปเหล่านี้แล้วสัมผัสได้ว่าครอบครัวนี้ค่อนข้างที่จะอบอุ่นอย่างแน่นอน
ป้าตะโกนเรียกสมาชิกในครอบครัว “ศรพรหม” แต่ไม่มีเสียงตอบรับแต่อย่างใด เธอจึงเดินขึ้นไปบนชั้นสองของน้องชายและน้องสะใภ้ แต่ไม่สามารถเปิดห้องได้ เนื่องจากถูกล็อกอยู่ เธอจึงพยายามที่จะงัดประตูเข้าไป แต่เมื่อเธอพยายามเปิดประตูแง้มออกดูได้นิดนึงก็ต้องผงะกับภาพที่พบเห็นมีคนนอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องกลิ่นคาวเลือดคลุ้งตลบอบอวลออกมาจากซอบหลืบประตูที่เธอแง้มดู
เธอตัดสินใจรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ไม่นานเกินรอเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ โดยให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยพังประตูห้องเข้าไปพบศพนายภานุวัฒน์ ศรพรหม อายุ 44 ปี นางเยาวลักษณ์ ศรพรหม อายุ 41 ปี และนายภัทรยุทธ ศรพรหม อายุ 16 ปี ลูกชายคนเล็กนอนจมกองเลือด โดยศพคู่สามีภรรยานอนเสียชีวิตอยู่ด้วยกันบนเตียงนอน โดยไม่มีร่องรอยการต่อสู้ขัดขืนแต่อย่างใด ส่วนศพนายภัทรยุทธลูกชายคนเล็กนอนเสียชีวิตอยู่ใกล้เคียงกันด้านล่างเตียงในสภาพนอนตะแคงเสียชีวิตจมกองเลือด โดยมีอาวุธปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ด้านขวามือผู้ตาย
เบื้องต้นของคดีนี้นายวัฒน์ลูกชายคนโตของครอบครัว “ศรพรหม”ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวให้การตำรวจว่าน้องชายน่าจะเป็นคนก่อเหตุฆ่ายกครัวสะเทือนขวัญครั้งนี้ เนื่องจากน้อยใจพ่อแม่ที่ชอบตำหนิเรื่องผลการเรียนตกต่ำและรักตนมากกว่า โดยตอนแรกไม่มีใครคาดคิดหรือสงสัยอะไรเลย
แต่แล้วคดีนี้ก็ต้องมาพลิกตาลปัตรเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนแวดล้อมพยานในที่เกิดเหตุ และอาวุธปืนที่ตกอยู่ด้านขวามือน้องชายที่เสียชีวิตมีลักษณะขัดต่อความเป็นจริงของบาดแผลผู้ตายทั้ง 3 ราย เนื่องจากผู้ตายทั้ง 3 ถูกยิงที่ขมับซ้ายทะลุขมับขวาเสียชีวิต แต่อาวุธปืนกลับไปตกอยู่ที่ขวามือของนายภัทรยุทธ ที่นายวัฒน์ให้การว่าน่าจะเป็นคนก่อเหตุและฆ่าตัวตายหนีความผิด
นายวัฒน์ ลูกชายคนโตถูกตำรวจหิ้วไปสอบเค้นอย่างหนัก หลังเกิดเหตุจนช่วงกลางดึกวันที่ 10 มี.ค.จึงยอมเปิดปากรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุฆ่าพ่อแม่และน้องชายเอง แล้วป้ายความผิดไปให้น้องชายเป็นคนก่อเหตุ เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกแม่ด่าเป็นประจำเรื่องผลการเรียนตกต่ำ อีกทั้งพ่อแม่ผิดสัญญาว่าจะซื้อรถเก๋งป้ายแดงให้หลังจากสอบติดสามารถเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้
11.00 น.วันที่ 11 มี.ค.ที่ห้องประชุมชั้น 3 สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.ตระกูล เกียวประเสริฐ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ และญาติๆ ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัว นายวัฒน์ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ลูกชายคนโตของครอบครัวศรพรหม ในข้อหาฆ่าบุพการี โดยมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต หลังรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง นายภานุวัฒน์ ศรพรหม อายุ 44 ปี นางเยาวลักษณ์ ศรพรหม อายุ 41 ปี และนายภัทรยุทธ ศรพรหม อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นพ่อแม่และน้องชาย เสียชีวิตคาบ้านพักในหมู่บ้านเมลาวิลล์ บ้านเลขที่ 99/15 ถนนเสมา-ฟ้าคราม ต.ประชาธิปัตย์ เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.สมิทธิ เปิดเผยว่าได้นำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อชันสูตรพลิกศพอีกครั้ง แต่เนื่องจากผลการชันสูตรพลิกศพ มีความขัดแย้งกับพยานหลักฐานที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ ประกอบกับลักษณะการเสียชีวิตของผู้ตายทั้ง 3 ราย มีลักษณะเหมือนกันคือ คล้ายกับเสียชีวิตในขณะนอนหลับ เนื่องจากในที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวนายวัฒน์มาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นจึงนำตัวไปค้นที่บ้านเกิดเหตุและคอนโดฯ หรูภายในซอยลาดพร้าว 17 กระทั่งนายวัฒน์ยอมรับสารภาพว่าเป็นคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุยิงพ่อแม่และน้องชาย
เบื้องต้นนายวัฒน์ ซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นปี 1 มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ สารภาพว่า “ก่อนเกิดเหตุ ถูกแม่ดุด่าเรื่องผลการเรียนตกต่ำอย่างหนัก ทำให้โกรธแค้นและผูกใจเจ็บ จึงวางแผนซื้อยานอนหลับชนิดละลายน้ำ มาใส่ให้พ่อแม่กิน ครั้งแรกไม่ได้ผล จึงไปซื้อยานอนหลับชนิดน้ำมาเพื่อก่อเหตุอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าขวดยาตกแตกก่อน กระทั่งวันเกิดเหตุ หลังสมาชิกในครอบครัวร่วมวงสังสรรค์กินหมูกระทะกันจนอิ่มหนำสำราญ และแยกย้ายกันเข้านอนพักผ่อน ด้วยความที่ยังคงผูกใจเจ็บแม่ตลอดเวลา จึงย่องเข้าไปหยิบปืนของพ่อที่วางไว้ในตู้บนชั้นสอง แล้วเข้าไปในห้องนอนของพ่อและแม่ โดยตนได้ลงมือยิงแม่ก่อนเป็นคนแรก ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะยิงแม่เพียงคนเดียว แต่เกรงว่าพ่อ และน้องชายจะตื่นมาพบจึงตัดสินใจยิงพ่อ และยิงน้องชายด้วย อีก 2 คน เนื่องจากเกรงกลัวความผิด แต่ก็ต้องตกใจสุดขีด เนื่องจากน้องชายยังไม่เสียชีวิต และบิดตัวกลับมาทางขวาและร้องด้วยความเจ็บปวด จึงรีบเผ่นหนีออกไปตั้งหลักนอกห้องจนแน่ใจว่าทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว เลยย้อนเข้าไปในห้องแล้วนำอาวุธปืนไปวางไว้ที่บริเวณมือด้านขวาของน้องชาย เพื่อจัดฉากกลบเกลื่อนความผิด ก่อนจะลงมานอนด้านล่างด้วยความกระวนกระวาย กระทั่งรุ่งเช้าจึงขับรถยนต์ออกจากบ้านกลับไปคอนโดฯแล้วโทรศัพท์หาป้าว่า ทำเป็นว่าติดต่อพ่อแม่ไม่ได้ให้ป้าช่วยติดต่อและเดินทางมาที่บ้านหลังจากนั้นได้ขับรถยนต์ไปรับแฟนสาวมาที่เกิดเหตุ เพื่อใช้เป็นพยานยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง เมื่อมาถึงบ้านพบว่าห้องล็อก จึงไปตามหาช่างกุญแจมาเปิด แต่ไม่มีช่างจนกระทั่งป้ากลับมาช่วยงัดลูกปิดส่องดูพบศพ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยเปิดประตูจนพบศพดังกล่าว
นายวัฒน์ ยังเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากฝากเตือนให้ทุกคนคิดให้ดีก่อนที่จะลงมือทำอะไร อย่าใช้อารมณ์เพียงชั่ววูบเพราะสิ่งที่ทำไปไม่สามารถแก้ไขได้ สาเหตุที่ตนทำลงไปเพราะถูกครอบครัวกดดันเรื่องผลการเรียนและมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหา เนื่องจากพบสภาพศพทั้ง 3 นอนตายอย่างไม่มีร่องรอยการต่อสู้ เชื่อว่าผู้ตายทั้ง 3 น่าจะมีการถูกวางยานอนหลับก่อนก่อเหตุช่วงระหว่างที่ร่วมสังสรรค์กินหมูกระทะกันภายในครอบครัว
พ.ต.อ.ตระกูล เกียวประเสริฐ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ขณะนี้รอหลักฐานจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 1 นำมาประกอบสำนวนคดีที่ยังไม่ได้ คือ ผลพิสูจน์เขม่าดินปืนที่ติดอยู่กับเสื้อผ้า และถุงมือที่ผู้ต้องหาใส่ในวันเกิดเหตุ จากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปดูกล้องวงจรปิด ที่ถนนเสมาฟ้าคราม ใกล้กับห้างเทสโก้ โลตัส ที่ผู้ต้องหาอ้างว่าหลังจากก่อเหตุแล้วได้นำกุญแจบ้านไปทิ้ง และต้องรอผลพิสูจน์ของนิติเวช ธรรมศาสตร์ ว่า มียานอนหลับในกระเพาะอาหารของผู้ตายทั้ง 3 ศพ หรือไม่

ส่วนในเรื่องการประกันตัวผู้ต้องหานั้น ต้องให้ทางศาลจังหวัดธัญบุรี เป็นผู้พิจารณาเรื่องหลักทรัพย์การยื่นประกันตัว ซึ่งได้ตั้งราคาไว้ เป็นเงินสด 500,000 บาท ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่ได้คัดค้านในการประกันตัว แล้วแต่ทางศาลจังหวัดธัญบุรี จะให้ประกันตัวหรือไม่ ต้องอยู่ที่ดุลพินิจของศาลอีกครั้ง ส่วนโทษสูงสุด คือ ประหารชีวิตในคดีนี้ โดยขณะนี้ นายวัฒน์ ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำธัญบุรีซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีญาติมาติดต่อขอประกันตัวแต่อย่างใด

ด้าน นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นเหตุสลดครั้งใหญ่ที่เกิดจากความบกพร่องของระบบครอบครัว และระบบการศึกษา โดยเฉพาะครอบครัวชนชั้นกลางในเมือง มีค่านิยมในการเลี้ยงลูกที่เน้นให้ลูกเรียนดี กวดวิชา เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ เชื่อมโยงกับการยึดวัตถุนิยม โดยพ่อแม่จะบอกว่าเมื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้จะให้รถยนต์เป็นการตอบแทน ซึ่งเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของเด็กและพ่อแม่ ขณะเดียวกัน สังคมในมหาวิทยาลัยก็เน้นความฟุ้งเฟ้อ ใช้ของแบรนด์เนม นิสิตนักศึกษาทุกคนจะมีรถยนต์ เพราะสอบเข้าได้พ่อแม่จะให้รถเป็นของขวัญ ทำให้เกิดการแข่งขัน ประกอบกับเมื่อเด็กมีแฟน ก็ยิ่งต้องการรถยนต์เพื่อขับรับส่งแฟนตนเอง ยิ่งเป็นแรงกดดันให้นายวัฒน์ ก่อเหตุสลดใจ เพราะผิดหวัง

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนระบบการศึกษาโดยเฉพาะมหาวิทยาลัยก็ต้องทบทวนตนเอง โดยเฉพาะสภาพสังคมในมหาวิทยาลัยที่เด็กแข่งขันด้านวัตถุ การรับน้องที่นำนิสิตนักศึกษาปี 1 เที่ยวกลางคืน ดื่มแอลกอฮอล์ ถึงเวลาแล้วที่ทั้งครอบครัว และระบบการศึกษาต้องแก้ไขปัญหา โดยมหาวิทยาลัยควรจัดกิจกรรมให้นิสิตนักศึกษาเรียนรู้การช่วยเหลือสังคม ไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องวัตถุ ขณะที่ครอบครัวชนชั้นกลางต้องฉุกคิดใหม่ถึงวิธีการเลี้ยงดู และปฏิเสธค่านิยมการกวดวิชาตั้งแต่เด็ก และมุ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้แต่เพียงอย่างเดียว รวมทั้งการแสดงความรักต่อลูกด้วยการให้สิ่งของแพงๆ เป็นต้น
ปิดฉาก “ทรพีฆ่าพ่อ-แม่-น้องชาย” อย่างเหี้ยมโหด เห็นแล้วเศร้าสลดหดหู่ใจลูกบังเกิดเกล้าฆ่าพ่อแม่และน้องชายตนเอง ตอกย้ำความเสื่อมทางสังคมไทยที่ปลูกฝังค่านิยมผิดๆ ให้เด็กเชิดชู “สังคมทุนนิยม-วัตถุนิยม” หล่อหลอมเติบโตขึ้นมาบนความคาดหวังของพ่อแม่ที่อาจสูงไปสำหรับเด็กจนเก็บกด สั่งสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน จนระเบิดออกมาเป็น “คดีอาชญากรรมสะเทือนจิตใจ”ผู้คนในสังคมเช่นนี้
“ความรัก-ความเข้าใจ-ความอบอุ่น”ในครอบครัวถือเป็นภูมิคุ้มกันในครอบครัวได้เป็นอย่างดี พ่อแม่ทุกคนต้องหันไปทบทวนว่ามีให้กับบุตรหลานตนเองเพียงพอแล้วหรือยัง เรื่องเช่นนี้คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ป้องกันได้ด้วย “ภูมิคุ้มกันในครอบครัว”

สอนของพ่อ สถิตในดวงใจ / รายงาน




กำลังโหลดความคิดเห็น