ญาติผู้ชุมนุม กปปส.ถูกยิงเสียชีวิต จากเหตุ ศรส.สลายการชุมนุมที่แยกผ่านฟ้าฯ ฟ้องศาลอาญา “ยิ่งลักษณ์” และพวกรวม 6 คน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ทนายเผยผู้บาดเจ็บจ่อฟ้องเพิ่มอีก 60 กว่าคดี
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (11 มี.ค.) นางขิ้ม รัตนคช มารดานายธนูศักดิ์ รัตนคช ผู้ตาย และนางอารียา บุญรุ่ง ภรรยานายสุพจน์ บุญรุ่ง ผู้ตายจากเหตุสลายการชุมนุมที่แยกผ่านฟ้า เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ในฐานะ ผบ.ตร. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการ ศรส. พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.2 และ พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ภว.ชลบุรี เป็นจำเลยที่ 1-6 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 และ 84 รวม 2 สำนวน
โจทก์ฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2557 จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ภาค 2 และตำรวจควบคุมฝูงชน หรือตำรวจปราบจลาจล ที่มีจำเลยที่ 5 และ 6 เป็นผู้บัญชาการกองกำลัง ผลักดันผู้ชุมนุมเพื่อจะสลายการชุมนุม หรือขอคืนพื้นที่ โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่มีอาวุธซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ในการสงคราม คือ แก๊สน้ำตา อาวุธปืนสั้น ปืนลูกซอง ระเบิด และปืนสงคราม มีกระสุนจริงและกระสุนซ้อมเป็นอาวุธประจำกาย ซึ่งการใช้อาวุธและยกกำลังเข้าสลายการชุมนุมไม่เป็นไปตามหลักสากลและแนวทางปฏิบัติในการควบคุมฝูงชนและปราบจลาจลที่ถูกต้อง
โดยจำเลยทั้งหกประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามหน้าที่ ซึ่งจำเลยทั้งหกสั่งการดังกล่าวจะใช้กระสุนปืนและอาวุธปืนยิงใส่ผู้ชุมนุมโดยเจตนาฆ่า เป็นการใช้เครื่องมือสลายการชุมนุมที่เกินกว่าความจำเป็น และไม่สุจริต เพราะมุ่งเพียงสลายหรือยุติการชุมนุมให้ได้เท่านั้น ไม่ได้เป็นการสั่งการในเชิงห้ามปรามเพื่อป้องกันผลร้ายนั้น ซึ่งการสั่งการและกำกับการโดยจำเลยทั้งหกอยู่ในระหว่างที่ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามมิให้กระทำการรุนแรงดังกล่าวต่อผู้ชุมนุม และศาลรัฐธรรมนูญได้รับรองว่าการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.เป็นการชุมนุมโดยสงบ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ นายสุพจน์ บุญรุ่ง และนายธนูศักดิ์ รัตนคช ถูกกระสุนปืนยิงมีบาดแผลฉกรรจ์เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา เหตุเกิดที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม.
โดยศาลรับคำฟ้องของนางขิ้มไว้ในสารบบหมายเลขดำ อ.583/2557 และรับคำฟ้องของนางอารียาไว้เป็นหมายเลขดำ อ.584/2557 พร้อมจะกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อไป
นายชัยวัฒน์ สิทธิสุขสกุล ทนายความ เปิดเผยว่า ได้ยื่นฟ้องกรณีผู้เสียชีวิตจากเหตุสลายการชุมนุมที่บริเวณแยกผ่านฟ้าลีลาศ อีก 2 สำนวน หลังจากก่อนหน้านี้ได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาไปแล้ว 2 สำนวน โดยเหตุการณ์ที่แยกผ่านฟ้าฯ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนเสียชีวิตรวม 4 ศพ โดยแต่ละคดีมีพฤติการณ์แตกต่างกันจึงต้องแยกฟ้องเป็นรายคดี ส่วนค่าเสียหายในทางแพ่งยังไม่ได้ดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บอีก 60 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานว่าจะให้ตนเองเป็นทนายความดำเนินการฟ้องร้องหรือไม่
ภายหลัง นางขิ้ม รัตนคช มารดานายธนูศักดิ์ กล่าวว่า ลูกชายมีอาชีพทำสวนอยู่ที่ จ.กระบี่ มีภรรยาและลูกชายวัย 3 ขวบ โดยทราบว่าลูกชายขึ้นมาชุมนุมกับ กปปส. แต่ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะรุนแรงจนถึงกับทำให้เสียชีวิต รู้สึกเสียใจเช่นกับภรรยาของลูกชาย และที่ผ่านมายังไม่มีหน่วยงานของรัฐให้การเยียวยาค่าเสียหายแต่อย่างใด
ด้านนางอารียา บุญรุ่ง ภรรยานายสุพจน์ ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า สามีถูกยิงเสียชีวิตใกล้กับสภาทนายความ ถ.ราชดำเนิน ภายหลังจากเหตุการณ์ตำรวจล่าถอยจากแยกผ่านฟ้าฯ ไปทางสนามหลวง สามีที่เป็นผู้ชุมนุมก็เดินตามไป ระหว่างตำรวจถอยไปตั้งหลักก็มีการยิงปืนใส่ผู้ชุมนุม โดยถูกยิงกระสุนเข้าที่กลางหลัง ทะลุใบหน้าเป็นรูขนาดใหญ่ จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นกระสุนชนิดใด ซึ่งผู้ตายมีลูก 4 คน เรียน ม.รามคำแหง ปีที่ 3 และเรียน กศน.ชั้นมัธยมอีก 1 คน