สตช.ยันระเบิดป่วนเมืองถี่ยิบ ตั้งด่านเข้มยามวิกาล

สตช.แถลงสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองรายวัน ชี้เหตุปาระเบิดใส่สำนักงานป.ป.ช.เป็นชนิดสังหาร เอ็ม 204 คาดเป็นการข่มขู่ ขณะที่บ้าน “ณัฏฐพล” ถูกคนร้ายลอบปาระเบิดสังหารชนิดเอ็ม 19A2 เข้าใส่ แต่ไม่ทำงาน ผบ.ตร.ตั้งด่านเข้ม อารักขาสถานที่ราชการและบุคคลสำคัญ

วันนี้ (5 มี.ค) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.แถลงสรุปความคืบหน้าคดีต่างๆ ในช่วงคืนที่ผ่านมา โดยคดีแรกภายหลังจากการตั้งด่านความมั่นคง บริเวณถนนเพชรบุรีตัดใหม่ฝั่งขาเข้า เขตห้วยขวาง สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายบัณฑิต สกุลบงการ อายุ 42 ปี และนายเอกชัย พลภักดี อายุ 34 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนพก ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก, อาวุธปืน ขนาด 7.65 จำนวน 1 กระบอก, เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 5 นัด, เครื่องกระสุนขนาด 7.65 จำนวน 8 นัด, เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 11 นัด, วิทยุสื่อสารยี่ห้อโมโตโรล่า จำนวน 1 เครื่อง, เสื้อเกราะกันกระสุนจำนวน 2 ตัว และหน้ากากพร้อมอุปกรณ์กันเคมี จำนวน 1 อัน โดยเจ้าหน้าที่ได้นำส่งพนักงานสอบสวนสน.มักกะสัน ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมแจ้งข้อหาร่วมกันมีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมีเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า เมื่อเวลา 20.09 น.เกิดเหตุคนร้ายขว้างระเบิดเข้าภายในบริเวณสวนหย่อมด้านข้างภายในสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี จากการตรวจสอบพบกระเดื่องชนวนเอ็ม 204 ของลูกระเบิดขว้างชนิดสังหาร ลข MK2 จากการสืบสวนคาดว่าคนร้ายได้ปาระเบิดจากด้านข้างสำนักงาน ซึ่งเป็นถนนในซอยนนทบุรี 41 ข้ามกำแพงรั้วมาประมาณ 10 เมตร และห่างจากตึกสำนักงานประมาณ 5 เมตร ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ คาดว่าเป็นการข่มขู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

ต่อมาเวลา 04.50 น.บ้านเลขที่ 4 ซ.สุขุมวิท 18 เขตคลองเตย ซึ่งเป็นบ้านนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และเป็นแกนนำกลุ่ม กปปส.เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) บช.น.ได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ว่าพบลูกระเบิดขว้างชนิดสังหารเอ็ม 19A2 มีลักษณะถอดสลักนิรภัยแล้ว แต่พันไว้ด้วยเทปพันสายไฟสีดำ (ไม่พร้อมทำงาน) ตกอยู่บริเวณประตูหน้าบ้าน จึงได้ทำการเก็บกู้ไว้ได้ และได้ส่งตรวจพิสูจน์เพื่อหาผู้กระทำผิดต่อไป

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ทาง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้มีข้อสั่งการกำชับผู้บัญชาการทุกหน่วย ให้กำชับท่าทีการปฏิบัติ ดังนี้ 1.ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแทรกซ้อนรุนแรงด้วยการควบคุมอาวุธ ตั้งจุด ว.43 การแสดงกำลัง 2.รักษาสถานที่สำคัญ บ้านพักบุคคลสำคัญ ศาล และองค์กรที่อาจตกเป็นเป้าหมาย 3.วางแผนและจัดกำลังให้พร้อมเข้าพื้นที่เมื่อเกิดเหตุ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน 4.สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีทุกเรื่อง อย่างเสมอภาคตรงไปตรงมาไม่เลือกปฏิบัติ 5.ปรับแผนการจัดกำลังควบคุมฝูงชน ไปเสริมงานสายตรวจป้องกันเหตุลดความรุนแรง ควบคุมสถานการณ์ ออมกำลังกลับไปฟื้นฟู ตรวจสอบสิ่งของอุปกรณ์สำคัญทดแทน และฝึกทบทวนสร้างความพร้อม

นอกจากนี้ เวลา 12.00 น.มีกำหนดการเลี้ยงอาหารให้กับกำลังพลที่ ตร.โดยเชิญชวนผู้บังคับบัญชามาร่วมรับประทานอาหาร ในเวลา 13.30 น.ประชุมผู้บังคับกองกำลังที่ดูแลพื้นที่บริเวณสวนลุมพินี และเวลา 14.30 น.ประชุมเกี่ยวกับการปรับแนวทางการตั้งจุด ว.43 และเวลา 20.00 น.ประชุมเร่งรัดคดีผ่านฟ้า