สน.พระอาทิตย์ /สามยอด
ตรวจแถวรายชื่อ “ตำรวจ” ในคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผู้บังคับการ(รอง ผบก.)-สารวัตร (สว.) ทั่วประเทศประจำปีที่เพิ่งผ่านพ้น มีผลไปตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ.เป็นต้นมา น่าจะตอบโจทย์ข้อสงสัยของใครหลายๆ คน
ว่าเหตุใดทำไม “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”ถึงรับใช้“รัฐบาล”เป็นไม้เป็นมือในการต่อกรกับกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองฝั่งตรงข้ามรัฐชนิดสุดลิ่มทิ่มประตู
โดยเฉพาะท่าที พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว แม่ทัพใหญ่สีกากีที่ยอมถึงขนาดรับหน้าเสื่อเป็น หัวหน้าควบคุมการใช้กำลังของศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ซึ่งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มอบหมายให้ “เป็ดเหลิม”ร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ทำหน้าที่ผู้อำนวยการ ศรส.
ทั้งๆ ที่ ผบ.เหล่าทัพ ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) หรือ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ต่างแสดงท่าทีชัดเจนทางการเมือง ที่ต้องการให้ปัญหาทางการเมืองแก้กันด้วยการเมืองฝ่ายทหารจะสนับสนุนเพียงกำลังทหารเสนารักษ์ที่คอยดูแลผู้บาดเจ็บและทหารที่คอยรักษาความสงบเรียบร้อยตามจุดต่างๆ เท่านั้น
ซึ่งแตกต่างจากทัพตำรวจ ที่นอกจาก ผบ.อดุลย์ รับหน้าเสื่อควบคุมการใช้กำลังแล้วกำลังที่นำมาใช้ก็ใช้กำลังตำรวจเป็นหลัก ตั้งแต่ระดับชั้นประทวน จนถึงระดับ พล.ต.อ.ที่ พล.ต.อ.อดุลย์ และ ร.ต.อ.เฉลิม เซ็นคำสั่งให้ตำรวจเกือบทั้งกรมปทุมวันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานภายใต้การบังคับบัญชาของ ศรส.
ไม่เว้นแม้แต่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ขาหลักจะนั่งทำงานในหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ขารองยึดโยงเก้าอี้ รอง ผบ.ตร.ก็ยังมีชื่อถูกดึงเข้ามาทำงานที่ ศรส.ในฐานะ รอง ผบ.ตร.เช่นกัน
มิหนำซ้ำ การรับใช้รัฐบาลของทัพตำรวจต่างหลับหูหลับตาทำกันแบบไม่สนใจความถูกต้องเหมาะสมโดยเลือกบังคับใช้กฎหมายที่ตัวเองมีอำนาจถืออยู่ในมือกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเต็มที่ แต่พอคดีที่เกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาล หรือพรรคพวกคนในรัฐบาลการทำงานของตำรวจก็จะเลือกหรี่ตาทำข้างเดียว หรือบางครั้งถึงขั้นหลับตาทำก็มี
อย่างเหตุการณ์ชายฉกรรจ์ดักทำร้ายแนวร่วมกลุ่ม กปปส.และกลุ่ม กปท.แยกวัดศรีเอี่ยม ย่านบางนา เมื่อวันที่มีการเลือกตั้งล่วงหน้า ถึงขั้นอุกอาจด้วยการเดินเข้าไปใช้อาวุธปืนยิง “สุทิน ธราทิน” แกนนำ คปท.บนรถเครื่องขยายเสียงจนเสียชีวิต
ปรากฏว่าช่วงที่เกิดเหตุการณ์ดักทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นใช้เวลานับชั่วโมงแต่ไม่มีตำรวจหน้าไหนเข้ามาระงับเหตุ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจสน.บางนาหรือตำรวจที่มารับใช้ ศรส.
นอกจากนี้ หลังเหตุการณ์เกิดขึ้นมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายยิง “สุทิน”ได้อย่างชัดเจนแต่จนถึงป่านนี้ตำรวจก็ยังไม่มีการขออนุญาตศาลออกหมายจับใคร หรือติดตามจับกุมใครมาดำเนินคดี แตกต่างจากคดียิง “ขวัญชัย สารคำ” หรือ “ขวัญชัย ไพรพนา” แกนนำคนเสื้อแดงอุดรที่ถูกยิงหน้าบ้านปางตาย ตำรวจใช้เวลาไม่กี่อาทิตย์ก็สามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้???
คำตอบสะท้อนอยู่ในคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ “รอง ผบก.-สว.” ที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปเพราะตรวจแถวรายชื่อตำรวจแต่ละคนที่ได้รับการแต่งตั้งแต่ละรายโดยเฉพาะเก้าอี้สำคัญๆ ที่ตามประสาแวดวงสีกากีเรียกเก้าอี้ทำเลทองมีผลประโยชน์แอบแฝงมหาศาล ล้วนเป็นตำรวจใกล้ชิดนายตำรวจใหญ่แทบทั้งสิ้น
โดยเฉพาะตำรวจที่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิด พล.ต.อ.อดุลย์ แม่ทัพใหญ่สีกากีต่างขยับมานั่งเก้าอี้ทองกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็น พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. เพื่อนหลาน พล.ต.อ.อดุลย์ ที่มานั่งช่วยงานอยู่สำนักงาน ผบ.ตร.เป็นประจำ ขยับไปเป็น ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.ก้องชาติ เลี้ยงสมทรัพย์ รอง ผกก.ป.สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาตำรวจติดตาม พล.ต.อ.อดุลย์ มาตลอดตั้งแต่อยู่จังหวัดชายแดนภาคใต้และหอบหิ้วกันมาตลอด ขยับขึ้นเป็น ผกก.สืบสวน 1 บก.สส.บช.ภ.3
พ.ต.อ.พีรวัส อินทร์กง รอง ผบก.ศฝร.ศชต. ใกล้ชิด พล.ต.อ.อดุลย์ อย่างมากถึงขนาดช่วงหนึ่งที่เป็น ผกก.ฝอ.5 ศชต.อยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้ แต่ตัวมานั่งอยู่ที่สำนักงาน ป.ป.ส.สมัยที่ พล.ต.อ.อดุลย์ มานั่ง เลขาฯ ป.ป.ส.ซึ่งความสนิทสนมระหว่างทั้งคู่นั้น แม้ พ.ต.อ.พีรวัส จะขาไม่ดีแต่ ผบ.อู๋ ก็ผลักดันให้ไปเป็น รอง ผบก.จร. เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.จตุภัทร์ ภิรมย์แก้ว รอง ผกก.ฝ่ายตำรวจสากลและประสานภูมิภาค 1 กองการต่างประเทศอยู่สำนักงาน ผบ.ตร. ก็ก้าวติดยศ พ.ต.อ.มาเป็น ผกก.ตำรวจสากลและประสานภูมิภาค 2 กองการต่างประเทศ พ.ต.ท.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผกก.สส.สน.ยานนาวา ลูกน้อง พล.ต.อ.อดุลย์ ที่เพิ่งแต่งงานไปไม่กี่วัน โดยมี ผบ.อดุลย์ ไปเป็นประธานให้ก็ข้ามฟากไปเป็น สวญ.ตม.อยุธยา
เด็กสุดคงเป็น พ.ต.อ.ธีระชัย เด็ดขาด ผกก.บคด.บก.ตม.3 อดีตนายเวร พล.ต.อ.อดุลย์ก็โยกมาคว้าเก้าอี้เกรดเอบวก นั่งเก้าอี้ ผกก.ตม.สระแก้ว บก.ตม.3 เตะ พ.ต.อ.สังคม ตัดโส ผกก.คนเก่า ที่เป็นสาย พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ อดีต ผอ.กองสลาก เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่แม้จะวิ่งสุดๆ แต่ก็เอาไม่อยู่ ต้องย้ายไปเป็น ผกก.ตม.มุกดาหาร
ความแรงของตำรวจใกล้ชิด ผบ.อดุลย์ ดูสอดคล้องกับกระแสข่าวก่อนหน้านี้ช่วงที่ม็อบกำลังฮึ่มๆ ใส่รัฐบาลมีกระแสการฝากฝั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ตำรวจช่วยงานนายกฯยิ่งลักษณ์ น้องสาวให้เต็มที่ และก็ดูตำรวจภายใต้การกุมบังเหียนของ พล.ต.อ.อดุลย์ก็ช่วยงานรัฐบาลชนิดเข้าตาแดนไกลทำให้ก่อนการแต่งตั้งโยกย้ายมีข่าวเปิดไฟเขียวให้ ผบ.ทำบัญชีอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องพะวงกับนักการเมืองที่จะมาขอตำแหน่งโดยตำรวจสายการเมืองจะมีบัญชีเดียวจากแดนไกลเท่านั้น และก็มีเพียงไม่ถึง 10%
ไม่เช่นนั้นเก้าอี้ “ผกก.ทองหล่อ” ที่ พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง นั่งอยู่จะโดนโยกง่ายๆ ได้อย่างไร เพราะตอนที่ พ.ต.อ.ชุมพล มาอยู่โรงพักทำเลทองกลางเมืองหลวง ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสถานบริการเต็มทุกตารางนิ้ว ก็ได้รับการสนับสนุนจาก
“อนุสรณ์ อมรฉัตร” สามีนอกสมรสของนายกฯยิ่งลักษณ์
แต่เที่ยวนี้เมื่อดูไบไฟเขียวให้ตำรวจทำกันเอง ผกก.ทองหล่อที่ถึงจะดูแล “อนุสรณ์”อย่างต่อเนื่องมาตลอด ก็ไม่สามารถทัดทานอาญาสิทธิ์ที่อดุลย์ได้รับมาได้
ผลประโยชน์ต่าง วิน-วิน กันเช่นนั้นฝ่ายหนึ่งก็ได้สิทธิ์วางลูกน้องในพื้นที่ทำเลทอง ฝ่ายหนึ่งได้กำลังตำรวจรับใช้อย่างจงรักภักดีก็ถือว่าวินวินทั้งสองฝ่าย แต่มันเป็นความหายนะของบ้านเมืองที่ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมกันทำ
คนที่เสียหายและต้องรับกรรมคงหนีไม่พ้น ชาวบ้านตาดำๆ