ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - รายงานข่าวเปิดแผนก่อความวุ่นวายในเมืองกรุงของ “กลุ่มกาละแม” เครือข่ายเสื้อแดง สมุนโกตี๋ ซ่องสุมกำลังอาวุธ สงคราม ขนกระสุนปืนอ้าก้า M16 ระเบิด M79 พร้อมกองกำลังฝึกฝนทัพพระยาเสือ ที่สวนผึ้ง จ.ราชบุรี นำอาวุธปืนอาก้ามาดัดแปลงเป็นปืนสไนเปอร์ และเครื่องยิงระเบิด M79 ถล่ม กปปส.เคลื่อนไหวโค่นล้มรัฐบาล โดยมีเครือข่ายแฝงตัวมาในกลุ่มผู้ชุมนุม มีการดักฟังวิทยุสื่อสารของทีมการ์ด กปปส.เพื่อเตรียมตัวก่อนก่อเหตุ!
วันนี้ (20 ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ได้มีเอกสารลับมาก หัวข้อกลุ่มกาละแมขอรับการสนับสนุนกระสุนปืนจากเครือข่ายในพื้นที่ จ.นนทบุรี โดยเนื้อหาในเอกสารดังกล่าวระบุหัวข้อต่างๆ ดังนี้ 1. ในช่วงเย็นวันที่ 8 ม.ค. 2557 กลุ่มการละแมได้ประสานงานกับนายท็อป (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) อาชีพนักธุรกิจ อยู่หมู่บ้านสี่ไชยทอง ถ.แจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อขอรับการสนับสนุนกระสุนปืนอาก้า (AK47) ขนาด 7.65 มม.ชนิดที่ทำจากรัสเซีย เพื่อเตรียมปฏิบัติการโดยคาดว่าจะนำไปก่อเหตุร้ายในห้วง 2-3 วันนี้ โดยการพบปะจะพบกันที่บ้านนางเล็ก (ไม่ทราบชื่อชื่อและนามสกุลจริง) ที่หม่บ้านไชยทอง
2. กาละแมได้สนทนาให้ ผช.ฟังว่า ตนและกลุ่มฯ อำพรางตนอยู่ที่ชุมนุมของ กปปส.บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยหลายวันแล้ว และสังเกตการณ์ว่าเข้าถึงแกนนำ กปปส.ยาก เนื่องจากมีการคุ้มกันแน่นหนามาก อีกทั้งเปี๊ยก (นายชัยวัฒน์) สามีกาละแม ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้เนื่องจากเคยทะเลาะกับการ์ด กปปส. อย่างไรก็ตาม กลุ่มยังมีแผนปฏิบัติการเหมือนเดิม
3. กาละแม (ในนามน้อง ชื่ออำพราง) ได้ประสานกับหนึ่ง (เจ้าหน้าที่ กอ.รมน. จ.นนทบุรี) เรื่องการสแกนรูปการ์ด กปปส.ที่มีอยู่ในไฟล์ทั้งหมดส่งให้กลุ่มฯ เพื่อกลุ่มฯ จะได้ดำเนินการเป็นรายบุคคล ซึ่งหนึ่งได้ตอบตกลงโดยจะมีการนัดหมายกันในเย็นนี้ (ไม่ทราบรายละเอียด)
ข้อพิจารณา
4. เหตุที่กลุ่มกาละแมเจาะจงต้องเป็นกระสุนปืนที่ทำจากรัสเซีย เพราะกลุ่มฯ น่าจะมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน AK 47 และอาจมีความเชื่อว่ากระสุนปืนจากรัสเซียมีความแม่นยำสูงกว่ากระสุนที่ผลิตจากจีน ทั้งๆ ที่กระสุนปืนจากรัสเซียหายากในไทย ดังนั้นผู้ก่อเหตุอาจนำปืน AK47 ไปใช้เพื่อการซุ่มยิง (Sniper) เป้าหมาย
รายงานข่าวยังระบุถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มชายชุดดำ กลุ่มกาละแม ด้วยว่า
1. สถานการณ์ของกลุ่มชายชุดดำ
กลุ่มชายชุดดำ หรือกลุ่มฮาร์ดคอร์ คนเสื้อแดง พบว่ามีการเคลื่อนไหวผิดสังเกตมาตั้งแต่ช่วง พ.ย. 56 โดยมีการนำกลุ่มฮาร์ดคอร์เข้ารับการฝึกอบรมการใช้อาวุธและวัตถุระเบิดที่ทัพพระยาเสือ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ประมาณ 50 คน ซึ่งใช้ชื่อว่ากลุ่มทัพพระยาเสือ โดยบุคคลที่เข้ารับการอบรมส่วนหนึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มพิมลราช ที่ตั้ง สน.อยู่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ผู้ที่เข้ารับการอบรมในขระนั้นเท่าที่ทราบชื่อมี 1 คน คือ นายภัสธร (โจ) บ้านพักอยู่ประชานิเวศน์ ซอย 14 จ.นนทบุรี โดยมีสารวัตรหนุ่ม (นิติกร กรมสอบสวนคดีพิเศษ) และ พ.ต.ต.เสงี่ยม ที่ในรายงานข่าวระบุว่าเป็นนายตำรวจนายหนึ่งในกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านการเงินโดยจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้คนละ 500 บาท ต่อวัน ได้รับการฝึกอบรมประมาณ 1 สัปดาห์ การอบรมมีวัตถประสงค์เพื่อกองกำลังไว้ต่อต้านการทำรัฐประหาร
ในช่วงต้นดือน ธ.ค. 56 นายธณันธร และเสงี่ยม ได้มอบหมายให้นายดาบเชียร์ธง ซึ่งเป็นตำรวจตระเวนชายแดน และนายโจ ไปขนอาวุธจาก จ.ราชบุรี เข้า กทม. และในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ดาบโย่ง ไม่ทราบชื่อและนามสกุล นายโจ กาละแม ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที จ.อุดรธานี และเปี๊ยก (สามี) ได้เดินทางโดยรถยนต์ปิกอัพจาก กทม.ไปยัง จ.ขอนแก่น เพื่อไปรับอาวุธสงคราม ประกอบด้วย M16 และ M79 จากบุคคลที่อ้างว่าเป้นตำรวจตระเวนชายแดน และเมื่อกลับมา กทม.ได้รับนางณัฏพัชร์ แกนนำฮาร์ดคอร์ พัทยา จ.ชลบุรี กลับมาด้วย อีกทั้งเมื่อ 29 ธ.ค. 56 กาละแมและพวกไปรับกระสุน
นอกจากนี้ ภายในรายงานข่าวฉบับดังกล่าวยังระบุถึงแผนภูมิเครือข่ายกองกำลังชุดดำกลุ่มกาละแม ในการแบ่งหน้าที่การทำงานอย่างเป็นขั้นตอนด้วย มีแผนผังการทำงานของบุคคลชื่อ เปี๊ยก โจ อ้วน พงษ์ ในการทำงานไปรับกระสุนปืนและระเบิด M16 และ M 79 ที่จังหวัดราชบุรี จังหวัดขอนแก่น จังหวัดนครนายก และ จังหวัดปทุมธานี (คลอง 7) โดยมีนายพงษ์เป็นแนวร่วมที่แฝงตัวอยู่ใน กทม.
ในรายงานข่าวฉบับดังกล่าวยังระบุถึงคลื่นความถี่วิทยุสื่อสารของ กปปส. ถูกเผยแพร่ไปยังกลุ่มชายชุดดำเพื่อดักเฝ้าการสื่อสารของกลุ่ม กปปส.ด้วย เพื่ออจังหวะในการเข้าทำงานก่อเหตุ โดยระบุว่าแม่ข่ายกลุ่มวิทยุสื่อสารของการ์ด กปปส.มีนามเรียกขานว่า “โมบาย” และกลุ่มลูกข่ายที่ติดต่อมี กระเบนธง จงอางชล อินทรี และมีคลื่นความถี่ ระดับ VIP เฉพาะ โดยมีแม่ข่ายนั่งสั่งการอยู่ในรถยนต์โตโยต้าแลนด์ครุยเซอร์ หมายเลขทะเบียน.......โดยใช้นามเรียกขานว่า “เสือ 1” เผยแพร่ไปถึงมือชายชุดดำทั้งหมด พร้อมรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ติดต่อทีมงาน โฆษก กปปส.จำนวน 6 จุด คือ ห้าแยกลาดพร้าว ราชประสงค์ สวนลุมพินี อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อโศก และสี่แยกปทุมวัน