ศุลกากรสุวรรณภูมิ ยึดนอแรดลักลอบนำเข้า น้ำหนักกว่า 21 กก. มูลค่าราว 21 ล้านบาท หลังลักลอบนำเข้ามากับสายการบินเคนยาแอร์เวย์ เพื่อดำเนินการส่งต่อไปยังประเทศเวียดนาม
วันนี้ (20 ม.ค.) ที่สำนักสืบสวนและปราบปราม สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 2 ประตู 5 อาคารผู้โดยสารขาเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายไพศาล ชื่นจิตร รองอธิบดีกรมศุลกากร, นายอวยชัย กุลทิพย์มนตรี ผอ.สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, นายวิจักษณ์ อภิรักษ์นันท์ชัย ผอ.สำนักสืบสวนและปราบปราม, นายคณิท อิศดุลย์ ผอ.ส่วนควบคุมทางศุลกากร, นายบุญมี บูรณะภักดี ผอ.ส่วนบริการผู้โดยสาร และเจ้าหน้าที่สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันแถลงผลการตรวจยึด นอแรดคละขนาด จำนวน 9 ชิ้น น้ำหนัก 21.80 กก. มูลค่าประมาณ 21 ล้านบาท
นายไพศาล ชื่นจิตร รองอธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะเข้มงวดเป็นพิเศษในการสกัดกั้นการลักลอบหนีศุลกากรและอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (CITES) ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 57 เวลา 18.10 น. เจ้าหน้าที่ศุลกากรปฎิบัติงานในสนามบิน และเจ้าหน้าที่ตรวจสัมภาระ ฝ่ายรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันตรวจสอบกระเป๋าต้องสงสัยจำนวน 1 ใบ ติดบัตรผูกกระเป๋า (TAG) ของสายการบินเคนยาแอร์เวย์ส ระบุชื่อ เหงียน แวนตา (VANTA/NGUYEN) เมื่อนำกระเป๋าใบดังกล่าวผ่านเครื่องเอกซเรย์เพื่อเตรียมลำเลียงสัมภาระทั้งหมดขึ้นเครื่องบินของสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 564 ก็พบมีวัตถุต้องสงสัยอยู่ด้านในกระเป๋า จึงตรวจสอบไปยังสายการบิน ทราบว่ากระเป๋าใบดังกล่าวเป็นสัมภาระตกค้างอยู่ที่ท่าอากาศยานกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา และได้มีการประสานงานจัดส่งสัมภาระดังกล่าวไปยังปลายทาง โดยส่งผ่านมายังประเทศไทย ด้วยสายการบินเคนยาแอร์เวย์ส เที่ยวบิน KQ886 เพื่อดำเนินการส่งต่อไปยังเมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม ด้วยสายการบินไทยเที่ยวดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงทำการเปิดกระเป๋าสัมภาระเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด พบนอแรดคละขนาด จำนวน 9 ชิ้น น้ำหนักรวม 21.80 กก. ถูกห่อด้วยพลาสติกใสและมีกระเทียมยัดไว้ด้านในโพรงของนอแรดเพื่อดับกลิ่น เจ้าหน้าที่จึงยึดไว้เป็นของกลาง
รองอธิบดีกรมศุลกากรกล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบชื่อที่ถูกระบุในบัตรผูกกระเป๋าไม่มีประวัติเดินทางเข้าประเทศไทย จึงคาดว่านอแรดที่พบจะถูกลักลอบไปขายที่เวียดนาม จึงเตรียมประสานไปยังหน่วยงานปลายทางเพื่อจับกุมขบวนการนี้ต่อไป ส่วนของกลางที่พบนั้นนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากของดังกล่าวเป็นของต้องห้าม ต้องจำกัด หรือของที่ยังไม่ได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (CITES) รวมทั้งกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง