ศุลกากรจับกุมหนุ่มปากีสถานขนเต่าดำแฮมิลตันได้อีกกว่า 400 ตัว มูลค่า 3.5 ล้านบาท เผยเป็นครั้งแรกที่จับตัวผู้ต้องหาได้ ก่อนหน้านี้ทำได้เพียงยึดของกลางไว้ ผู้ต้องหาสารภาพนำมาขายให้กับคนไทยที่เชื่อเรื่องเสริมสิริมงคล เจ้าหน้าที่จึงสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป
เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (8 พ.ย.) ที่สำนักตรวจของผู้โดยสารท่าอาอากาศยานสุวรรณภูมิ นายราฆพ ศรีศุภอรรถ อธิบดีกรมศุลกากร ดร.ฉวีวรรณ คงเจริญกุล ที่ปรึกษาด้านพัฒนาและการบริหารการจัดเก็บภาษี นายอวยชัย กุลทิพย์มนตรี ผอ.สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายคณิท อิศดุล ผอ.ส่วนควบคุมทางศุลกากร นายธนวรรธน์ กุลกานต์สวัสดิ์ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายมูตาซา อาลี อายุ 25 ปี ชาวปากีสถาน พร้อมของกลางเต่าดำแฮมิลตันคละขนาดจำนวน 470 ตัว มูลค่า 3,500,000 บาท
อธิบดีกรมศุลกากรกล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่สามารถจับกุมผู้ต้องหา ได้พร้อมของกลาง ซึ่งเต่าดังกล่าวเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกจัดอยู่ในบัญชีสัตว์สงวน ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ซึ่งหากนำเข้าต้องมีการขออนุญาตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และอยู่ในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส (CITES) ซึ่งเมื่อ 2 วันก่อนเจ้าหน้าที่สามารถยึดเต่าได้จำนวนหนึ่ง จึงกำชับให้มีการเข้มงวดและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ามากขึ้น
จนกระทั่งเมื่อเวลา 06.40 น.ของวันนี้ (8 พ.ย.) เจ้าหน้าที่พบนายมูตาซา ชาวปากีสถาน ผู้โดยสารสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 346 บินมาจากเมืองละฮอร์ ประเทศปากีสถาน ท่าทางมีพิรุธ กำลังเข็นสัมภาระซึ่งเป็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 4 ใบผ่านช่องตรวจไม่มีของต้องสำแดงหมายเลข 1 โซนบี อาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ชั้น 2 จึงขอตรวจด้วยการเอกซเรย์ พบว่ามีสิ่งของคล้ายเต่าบรรจุอยู่ภายในกระเป๋าทั้ง 4 ใบ จึงเชิญตัวมาสอบสวนและเปิดกระเป๋าก็พบเป็นสัตว์มีชีวิตประเภทเต่าดำแฮมิลตันคละขนาดวางซ้อนกันในกระเป๋าทั้ง 4 ใบ
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ารับจ้างขนเต่าสายพันธุ์ดังกล่าวมาจากปากีสถาน เพื่อมาขายให้กับคนไทยเพราะมีความเชื่อเรื่องการเสริมสิริมงคล โดยได้ค่าจ้าง 10,000 บาท ทั้งนี้ราคาขายเต่าสายพันธุ์ดังกล่าวในประเทศไทยหากตัวใหญ่จะมีราคาสูงถึง 25,000 บาท
เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวนายมูตาซาให้แก่พนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากมีความผิดตามมาตรา 27แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 และความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ส่วนของกลางส่งมอบให้ด่านตรวจสัตว์ป่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นำไปส่งศูนย์อนุบาลสัตว์ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อดำเนินการต่อไป
