สื่อนอกเผย พบการลักลอบนำเข้า “เต่า” หลายพันที่สนามบิน “สุวรรณภูมิ”

เอเอฟพี – ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศุลกากรของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตรวจพบเต่าบก และเต่าทะเล ที่มีผู้ลักลอบใส่เอาไว้ในกระเป๋าเดินทางเป็นจำนวนหลายพันตัว โดยล่าสุดพบเต่าอีก 470 ชีวิต วันนี้ (8 พ.ย.) ในเวลาเดียวกันกับที่บรรดานักอนุรักษ์เตือนว่า การลักลอบนำซื้อขายเต่าจากเอเชียใต้เพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงเช่นนี้กำลังเพิ่มสูงขึ้นจนน่าตกใจ

เจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระบุว่า ได้จับกุมชายชาวปากีสถานวัย 25 ปีคนหนึ่ง ซึ่งต้องสงสัยว่าลักลอบค้าสัตว์ป่า ภายหลังพบเต่าดำ ซึ่งเป็นสัตว์สงวน อยู่ภายในกระเป๋าเดินทาง 4 ใบ ที่มาจากเมืองลาฮอร์

การตรวจจับครั้งนี้มีขึ้นภายหลังที่เมื่อวันพุธ (6) เจ้าหน้าที่ของไทยได้พบเต่าทะเลสงวน 423 ตัว และเต่าดำอีก 52 ตัว ในกระเป๋าที่ไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของบนสายพานที่ลำเลียงสัมภาระออกมาจากเครื่องบินซึ่งมาจากบังกลาเทศ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันอาทิตย์ (3) เจ้าหน้าที่ศุลกากรของสนามบินแห่งนี้ ยังได้พบเต่าบกสงวนกว่า 80 ตัวในกระเป๋าเดินทางที่มาจากบังกลาเทศเช่นเดียวกัน

ทางด้าน คริส เชฟเฟิร์ด จากกลุ่มป้องกันการค้าสัตว์ป่า “แทรฟฟิก” กล่าวว่า “ดูเหมือนว่าจำนวนของเต่าบก และเต่าทะเลที่ลักลอบนำออกมาจากเอเชียใต้ กำลังทะยานขึ้นสูง โดยเฉพาะพวกเต่าดำ”

ทั้งนี้ เต่าดำพันธุ์หายากพวกนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในบังกลาเทศ อินเดีย ปากีสถาน และเนปาล โดยการส่งออกสัตว์ประเภทนี้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย

เชฟเฟิร์ดชี้ว่า ประเทศไทยคือ “จุดศูนย์กลางที่สำคัญของโลก ในการค้า” เต่าบกและเต่าทะเล ขณะเดียวกันเขาเรียกร้องให้ทางการไทยใช้มาตรการตรวจค้น และลงโทษการลักลอบนำเข้าที่สูง ให้เข้มงวดกวดขันมากกว่านี้ โดยเขาระบุว่า ยังแทบไม่มีพ่อค้าหรือตัวการใหญ่ในวงการค้าเต่าผิดกฎหมายถูกลงโทษตามความผิดเอาเลย

ประเทศไทยซึ่งถูกมองว่าเป็นจุดศูนย์กลางของการค้าสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด ยังกำลังถูกกดดันอย่างหนักในเรื่องการเป็นทางผ่านของการลักลอบส่งออกงาช้างที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการจัดการประชุมไซเตส (อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งห้ามการค้าชนิดสัตว์และพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์) ที่กรุงเทพฯ ในปีนี้