พฐ.ตรวจตึกร้าง บรรทัดทอง จุดบึ้มใส่ กปปส.

พฐ.นำทีมเข้าตรวจอาคารร้าง ย่านบรรทัดทอง ที่เกิดเหตุคนร้ายลอบปาระเบิดใส่กลุ่มผู้เดินขบวน กปปส. แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าทิศทางที่คนร้ายขว้างมานั้นมาจากทิศใด

วันนี้ (19 ม.ค.) พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น. 6 พล.ต.ต.ธวัชชัย เฆมประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ปทุมวัน และพ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าร่วมประชุมเพื่อวางแผนในการตรวจสอบที่เกิดเหตุคดีคนร้ายขว้างระเบิดเข้าใส่กลุ่ม กปปส.ขณะเดินขบวนผ่านถนนบรรทัดทอง เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 11.00 น. คณะทั้งหมดเข้าตรวจสอบจุดแรก คือ จุดอาคารร้าง 3 ชั้น เลขที่ 849/21 ซอยจุฬา 6 ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่พบสิ่งเทียมอาวุธปืน ประเภทบีบีกัน วิทยุสื่อสารเพื่อตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากก่อนหน้านี้ตำรวจไม่สามารถเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมกังวลว่าตำรวจจะมีการเปลี่ยนแปลงพยานหลักฐาน โดยเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง คือ หัวหน้าฝ่ายเทศกิจเขตปทุมวัน เจ้าของอาคารสำนักงานทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่ พฐ.และชุด EOD และพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน จำนวน 20 คน

โดย พ.ต.อ.กำธร กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุได้เข้าตรวจสอบโดยไม่มีพนักงานสอบสวนเข้าร่วม เนื่องจากขณะนั้นกลุ่มการ์ดผู้ชุมนุม ไม่ยินยอมให้พนักงานสอบสวนเข้าพื้นที่ แต่ยอมให้หน่วย EOD เข้าพื้นที่เพียงหน่วยเดียว และเมื่อเข้าตรวจสอบภายในอาคาร จึงพบเห็นของกลางทั้งหมดถูกนำมาวางไว้ชั้นล่าง ด้านหลังข้างห้องน้ำ จึงได้ตรวจนับและถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน โดยไม่ได้นำของกลางทั้งหมดกลับไปด้วย แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมบอกว่า จะนำของกลางไปมอบให้อีกครั้ง

ขณะที่ระหว่างการตรวจสอบนั้นนายวิรัช วิชัยรัม อายุ 41 ปี คนงานบริษัท เออาร์ที ซึ่งรับเหมาก่อสร้างในที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุพักอยู่กับเพื่อนชื่อนายยุงและภรรยา โดยพบว่ามีคนมาจำนวนมาก เข้ามาในห้องพักของตนเองที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ เมื่อคนออกไปหมด พบว่ามีทรัพย์สินส่วนตัว พระเครื่องและเอกสารส่วนตัวจำนวนหนึ่งหายไป จึงแจ้งความไว้ที่ สน.ปทุมวัน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเข้าตรวจสอบในจุดที่เกิดเหตุระเบิด บริเวณปากซอยจุฬา 2-4 ซึ่งห่างจากจุดนี้ประมาณ 200 เมตร พบว่าจุดนี้คาดว่าคนร้ายมาขว้างระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งจุดนี้เป็นอาคารร้างสูง 3 ชั้น โดยเจ้าหน้าที่พบหลุมสะเก็ดระเบิด กว้าง 2-3 นิ้ว ลึกประมาณ 2 นิ้ว รอบๆพบสะเก็ดปูนแตก และยังพบว่ามีกล่องข้าว คราบเลือดบนถนน ซึ่งเจ้าหน้าที่ไดัเข้าตรวจสอบภายในอาคารที่เคยเป็นร้านตัดเย็บเสื้อผ้า โดยพบหลักฐานเป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ตัดเย็บเสื้อผ้า ที่ถูกทิ้งร้างไว้ และพบว่าชั้น 2 ชั้น 3 และชั้นลอยของอาคาร เมื่อมองลงมาสามารถมองเห็นจุดเกิดเหตุบนถนนบรรทัดทอง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเพื่อหาทิศทางของการขว้างระเบิดและความเป็นไปได้ในการก่อเหตุ และร่องรอยที่พบในที่เกิดเหตพบว่า ร่องรอยหลักฐานลบเลือนไป เนื่องจากมีกลุ่มคนเข้าไปในที่เกิดเหตุจำนวนมาก

โดย พล.ต.ท.คำรบกล่าวว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุทั้งสองจุด โดยเฉพาะในที่อาคารร้างจุดที่พบสิ่งเทียมอาวุธปืนประเภทบีบีกันที่ใช้ในการกีฬา วิทยุสื่อสาร ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบเสื้อผ้า และเครื่องใช้ส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ดูแลพื้นที่การก่อสร้างดังกล่าว ส่วนพยานหลักฐานอื่นๆ ตำรวจได้นำออกไปตรวจสอบก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้เจ้าหนัาที่ได้เก็บรอยนิ้วมือในที่เกิดเหตุเพื่อนำไปเทียบเคียงแล้ว

ส่วนจุดที่เกิดเหตุระเบิด เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าทิศทางที่คนร้ายขว้างมานั้นมาจากทิศใด เนื่องจากต้องรอการตรวจสอบจากจุดที่พบตัวกระเดื่องระเบิด จึงจะสามารถบอกได้ว่า คนร้ายโยนระเบิดมาจากบนอาคารร้างหรือไม่ สำหรับกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดนั้น เจ้าหนัาที่จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

ขณะที่ พล.ต.ต.วัลลภเปิดเผยว่า ตำรวจสอบพยานไปแล้ว 5 คน คือ เจ้าหนัาที่รักษาความปลอดภัยที่มาอาศัยอยู่ในอาคาร จำนวน 3 คน และรถจักรยานยนต์รับจ้าง 3 คน ที่ให้การว่า ขณะเกิดเหตุไม่ยืนยันว่าถูกขว้างมาจากทิศทางใด แต่พยานให้การตรงกันว่า ช่วงเกิดเหตุได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น ส่วนพยานหลักฐานอื่นๆ ต้องรอผลการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐานเพิ่มเติมอีกครั้ง