ASTVผู้จัดการออนไลน์ - พฤติกรรมสุดเถื่อนอีกแล้ว! “หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบำเพ็ญธรรมสถาน” จ.ปราจีนบุรี ทำตัวกร่างใหญ่คับฟ้า มือค้ำคอ 2 ผัวเมียนักข่าว นสพ.บ้านเมือง-นักข่าวสปิงนิวส์ ทำท่าจะต่อย กระชากกล้องต่อหน้านายตำรวจ และชาวบ้านขณะกำลังบันทึกภาพทำข่าว รอง สว.ตม.จว.สระแก้ว ซิ่งเก๋งกลางดึกชนเสาไฟฟ้าดับคาที่ 1 สาหัส 1
เมื่อเวลา 03.30 น. วันนี้ (17 ม.ค.) ร.ต.ท.กองพล เดชคำพูล ร้อยเวรสภ.เมืองปราจีนบุรี ได้รับแจ้งเหตุจาก ร.ต.ต.สังวาลย์ พรมอินทร์ หัวหน้าป้อมยามตำรวจดงขี้เหล็ก สภ.เมืองปราจีนบุรี มีอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักชนเสาไฟฟ้าข้างทางรอมถนนสาย 33 หรือสุวรรณศร บ้านเนินหาด หมู่ 13 ต.ดงขี้เหล็ก มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน จึงรายงานผู้บังคับบัญชาและพร้อมด้วย พญ.ณัชชา กิจวิวัฒน์กุล แพทย์เวรรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รุดไปที่เกิดเหตุ
ตรวจสอบที่เกิดเหตุเลยบริษัทแอลไพน์มาเกือบ 200 เมตรเศษ ที่ข้างเสาไฟฟ้าพบรถเก๋งยี่ห้อเชพโรเลตสีดำ หมายเลขทะเบียน ชม 3867 กรุงเทพมหานคร เสียหลักจอดอยู่สภาพด้านหลังและฝั่งซ้ายตัวรถพังยุบมีเหล้านอก จำนวน 3 ลังกระจายออกมาด้านนอก ที่นั่งคนขับพบศพ ร.ต.ต.วินัย เสวกทอง รอง สว.ตม.จว.สระแก้วเสียชีวิตคาพวงมาลัยรถ ด้านข้างกันพบ นายอัครินทร์ น่าดู อายุ 53 ปี ไม่ทราบที่อยู่ ได้รับบาดเจ็บหน่วยกู้ภัยได้รีบนำส่ง รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรก่อนหน้านี้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่รอร้อยเวรสอบสวน และแพทย์เวรพยาบาลเดินทางมาที่เกิดเหตุ ร.ต.ต.สังวาลย์ หัวหน้าป้อมยามตำรวจดงขี้เหล็ก สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้สอบถามกับนางณัฐนันท์ สนับบุญ ผู้สื่อข่าวสปิงนิวส์ ประจำ จ.ปราจีนบุรีว่า จะถ่ายภาพคนตายหรือไม่ นางณัฐนันท์ ได้ตอบว่าถ่าย ร.ต.ต.สังวาลย์ จึงให้หน่วยกู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถาน จ.ปราจีนบุรี คนหนึ่งเปิดประตูด้านฝั่งที่นั่งคนขับที่เสียชีวิตให้
ในขณะนั้นได้มีกู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถานอีกคนหนึ่งตรงเข้ามาต่อว่า นายมานิตย์ สนับบุญ นักข่าวบ้านเมือง ที่กำลังบันทึกกล้องภาพวีดีโอ ทีวี กล้องภาพนิ่ง ผู้สื่อข่าวจึงเดินมาถาม มีอะไรกันและโดยไม่คาดคิดจะเกิดเหตุรุนแรงระหว่างการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน หน่วยกู้ภัยดังกล่าวได้ใช้มือค้ำคอเงื้อกำปั้นเตรียมทำร้ายนายมานิตย์ จนกล้องวีดีโอยี่ห้อพานาโซนิคราคาเกือบแสนบาทแทบจะหลุดจากมือด้วยความแรงที่ถูกค้ำ และตกใจกับเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันนี้
นางณัฐนันท์ ที่เห็นจึงใช้มือตีห้ามปรามเกรงสามีที่เป็นผู้สื่อข่าวถูกทำร้าย และอุปกรณ์บันทึกภาพเสียหาย จึงยุติต่อมานายมานิตย์ ได้ใช้กล้องภาพนิ่งถ่ายกู้ภัยคนดังกล่าวอีกครั้งเพื่อนำไปแจ้งความเหตุพยายามทำร้ายร่างกาย และคุกคามสื่อมวลชนขณะปฏิบัติหน้าที่ บุคคลดังกล่าวได้คว้ากล้อง และปิดพยายามแย่งกล้องไปแต่นายมานิตย์ ดึงกลับคืนได้
ด้านนายวัชระพงศ์ สุภรณ์ไพจิตร์ นายกสมาคมสื่อมวลชน จ.ปราจีนบุรี ได้แนะนำให้ผู้สื่อข่าวแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี ไว้เป็นหลักฐาน และจะนำเสนอพฤติกรรมสื่อถูกคุกคามระหว่างการกระทำหน้าที่ในครั้งนี้ด้วย พร้อมกำชับให้สื่อสมัครสมานสามัคคี ให้ทำงานเป็นทีมงานเพื่อช่วยกันสอดส่องระวังภัยระหว่างทำงาน-ภัยมืดได้ และให้ระมัดระวังตนเองในการเดินทางและการออกนอกบ้านด้วย เนื่องจากเกรงอันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินได้
ต่อมา ช่วงเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน นายมานิตย์ สนับบุญ ผู้สื่อข่าว นสพ.บ้านเมือง ผู้เสียหายได้เดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันต่อ ร.ต.ท.อิศรา เจริญธรรม ร้อยเวรสภ.เมืองปราจีนบุรี โดยมี พ.ต.อ.ยิ่งยศ อินทบุหลั่น ผกก.สภ.เมืองปราจีนบุรี รอสอบถามข้อมูลที่เกิดขึ้นรเบื้องต้นได้ลงบันทึกประจำวันร้องทุกข์การถูกคุกคามชีวิต และทรัพย์สินในขณะปฏิบัติหน้าที่สื่อสารมวลชน และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้พนักงานสอบสวนเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบสวน และทำประวัติไว้ต่อไป
ขณะที่ทางผู้บริหารหน่วยกู้ภัยสว่างบำเพ็ญธรรมสถาน จ.ปราจีนบุรี พอทราบข่าวได้ขอโทษการกระทำของอาสากู้ภัยคนดังกล่าว และให้ผู้ดูแลเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ติดตามสอบสวนต่อไป และทางฝ่ายดูแลเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้โทรศัพท์ติดต่อขอโทษการกระทำของบุคคลดังกล่าว และจะนำตัวมาขอขมาต่อผู้สื่อข่าวให้สาธารณชนได้รับรู้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหน่วยกู้ภัยตามจังหวัดต่างๆ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยสังคม ช่วยงานตำรวจก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ขณะนี้ได้มีอาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ของหน่วยกู้ภัยบางคนที่มีพฤติกรรมทำตัวไม่เหมาะสม นำรถยนต์กระบะติดไซเรน ติดวิทยุสื่อสาร พกวิทยุสื่อสารทำตัวกร่าง เช่น อย่างกู้ภัยรายนี้ ประธานมูลนิธิฯ ต้องเข้มข้นคัดกรองผู้ที่ต้องการช่วยสังคมจริงๆ เข้ามาทำงาน ไม่ใช่เอานักเลง มาเฟียที่ไหนไม่รู้ เข้ามาทำงานจนเกิดปัญหามันก็จะทำให้ชื่อเสียงเสีย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า อย่างกรณีพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีอาสาสมัครกู้ภัยท้องที่ หลายหน่วยงานคอยช่วยงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เช่น ศูนย์มนูธรรม หน่วยตำรวจบ้านอาสาสมัครชุมชน ของ สน.โชคชัย ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนว่ามีอาสาสมัครกู้ภัยบางนายแต่งกายลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน มีการพกพาวิทยุสื่อสาร และชอบทำตัวกร่างเช่นกัน มียานพาหนะติดไซเรนสีแดงเหมือนรถเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.จราจร ชอบเปิดสัญญาณไซเรนและเสียงหวอรบกวนชาวบ้านโดยไม่มีเหตุอันควร ชอบตั้งด่านตรวจยานพาหนะประชาชนโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย โดยมักพูดจาให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงๆ อย่างไรก็ตามคงต้องฝาก พ.ต.อ.ธนวัฒน์ วัฒนกุล ผกก.สน.โชคชัย ตรวจสอบด้วย