ตะลึง! พบคลังแสงในตึกร้าง ถ.บรรทัดทอง ภายหลังคนร้ายลอบปาระเบิดใส่ผู้ชุมนุม กปปส.ที่บริเวณ ถ.บรรทัดทอง ด้าน ผบช.สพฐ.ตร.ยันอาวุธปืนที่พบเป็นปืนบีบีกัน ชี้รู้แล้วเจ้าของเป็นใคร รอเรียกมาสอบ เผยอาคารดังกล่าว จุฬาฯไว้ให้ รปภ.พักขณะทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ให้เช่าเดิม
วันนี้ (17 ม.ค.) หลังเกิดเหตุการณ์คนร้ายลอบปาระเบิดสังหาร ใส่กลุ่มผู้ชุมนม กปปส.ที่กำลังเคลื่อนขบวนไปรอรับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ที่บริเวณถนนบรรทัดทอง เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 36 รายนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นอาคารร้างในบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะเขวี้ยงระเบิดมาจากอาคารหลังดังกล่าว ซึ่งภายหลังเข้าตรวจค้นได้พบอาวุธปืนและอาวุธต่างๆ จำนวนมาก แต่ไม่พบผู้ต้องสงสัย หรือคนร้ายที่ก่อเหตุอยู่ในบริเวณดังกล่าวแต่อย่างใด
ต่อมาเวลา 18.10 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ศอ.รส.กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายปาระเบิดใส่ขบวนของกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่ถนนบรรทัดทอง ว่า ล่าสุดกลุ่มผู้ชุมนุมยินยอมให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว โดยมี พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลาง เข้าไปร่วมตรวจสอบ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าอาวุธปืนที่พบทั้งหมดเป็นเพียงสิ่งเทียมอาวุธปืน หรือ บีบีกัน ซึ่งหลังเมื่อตำรวจไปถึงพบว่ามีการเคลื่อนย้ายพยานหลักฐานลงมาด้านล่าง ขณะเดียวกัน พบว่าผู้ชุมนุมไปหยิบจับพยานหลักฐาน แต่เจ้าหน้าที่ พฐ.มีกระบวนการในการตรวจสอบได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้สั่งการให้มีการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีอย่างโปร่งใส และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ส่วนที่มีการระบุว่าตำรวจปล่อยปละละเลยไม่ดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมนั้น พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ในการเคลื่อนขบวนของกลุ่มผู้ชุมนุมแต่ละครั้ง ตำรวจจะมีการวางแผนการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ซึ่งตำรวจจะมีระยะห่างในการติดตาม แต่ปรากฏว่าการเคลื่อนขบวนในช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการเปลี่ยนเส้นทางกะทันหัน โดยไม่ได้มีการประสานงานกับตำรวจ ประกอบกับเส้นทางดังกล่าวไม่มีการวางกำลังไว้เพราะไม่ใช่พื้นที่ชุมนุม และมีสถานที่สำคัญตั้งอยู่ จึงอยากขอร้องไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมให้ประสานงานกับตำรวจก่อนที่จะมีการเคลื่อนขบวน เพื่อที่ตำรวจจะสามารถวางแผนในการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
พล.ต.ท.คำรบ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่พบว่ามีมวลชนที่ยังคงมีอารมณ์ จึงถูกผลักดันไม่ให้เข้าพื้นที่ ตนจึงได้นำคณะไปรอที่ สน.ปทุมวัน ระหว่างนั้น นายเชน เทือกสุบรรณ ได้ขึ้นไปนำของกลางที่พบในห้องลงมาแถลงข่าว โดยมี พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ EOD ร่วมสังเกตการณ์ก่อนที่มีการส่งมอบพยานหลักฐานทั้งหมดให้กับพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ระหว่างนั้นให้ตรวจสอบพยานหลักฐานที่พบทั้งหมด พานท้ายปืน 4 อัน ประกับรองปืน 3 อัน ลำกล้อง 3 ชิ้น ด้ามจับ 3 ชิ้น แม็กกาซีน 2 อัน ขาตั้งยิง 2 ขา กล่องส่องยิง 1 อัน โดยทั้งหมดเป็นสิ่งเทียมอาวุธปืน หรือปืนบีบีกัน แต่ชิ้นส่วนสำคัญ คือ ชุดลั่นไกหายไปทำให้ใช้ยิงไม่ได้ แต่แม้ว่ามีชุดลั่นไกก็ใช้ยิงได้ เพียงกระสุนปืนบีบีกันเท่านั้น ใช้กับกระสุนจริงไม่ได้ นอกจากนี้ยังพบมีด 4 ด้าม แยกเป็นดาบยาว 2 ด้าม มีดเดินป่า 1 ด้าม และสิ่ว 1 ด้าม ขณะเดียวกันยังพบวิทยุสื่อสื่อสาร 3 เครื่อง
ผบช.สพฐ.ตร.กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่าห้องดังกล่าวเป็นที่พักของ รปภ.ซึ่งทางจุฬาลงกรณ์จ้างมาดูแลพื้นที่ในช่วงระหว่างที่มีการไล่ที่ ซึ่งขณะนี้ทราบแล้วว่าเป็นใคร อยู่ระหว่างติดตามตัวของตำรวจ สน.ปทุมวัน