บช.น.เตรียมเบิกตัวไอ้ฆาตกร “ติ๊งต่าง” ไปชี้จุดประกอบคำรับสารภาพฆ่าข่มขืนเด็ก รวม 8 คดีทั้งในกทม.3 คดี และต่างจังหวัด 5 คดี เชื่อเคยลวงเหยื่อไปข่มขืนแล้วนับ 10 ราย เช็กตารางการแสดงของวง หมอลําไหมไทย ย้อนหลังตั้งแต่ 18 พ.ย.พบเดินสายแล้ว 28 แห่ง
วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตํารวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คํารณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตํารวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงกรณีการจับกุมตัว นายหนุ่ย หรือ ติ๊งต่าง ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่าข่มขืนน้องการ์ตูน เด็กวัย 6 ขวบ ทิ้งศพหมกข้างพื้นที่รกร้างใกล้สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลต่อในคดีที่เคยเกิดเหตุมาก่อนหน้านี้ โดยสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งตรวจสอบว่า นายหนุ่ย เคยก่อเหตุที่ใดบ้าง โดยเฉพาะพื้นที่ที่นายหนุ่ยเดินทางไปทํางานกับวงหมอลําไหมไทย เบื้องต้นนายหนุ่ยให้การรับสารภาพว่า ได้ข่มขืนเด็กหญิงที่ จ.เลย 3 ราย และลงมือฆ่า 1 รายเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ได้ฆ่าข่มขืนเด็กหญิง 1 ราย ที่แขวงทุ่งสีกัน ดอนเมือง วันที่ 6 ธ.ค.ก่อเหตุกับน้องการ์ตูน และวันที่ 9 ธ.ค.ก่อเหตุฆ่าข่มขืนที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งในวันที่ 18 ธ.ค.เจ้าหน้าที่จะขออํานาจศาลเบิกตัวนายหนุ่ย ให้เดินทางไปชี้จุดเกิดเหตุที่ จ.เลย และ จ.ปราจีนบุรี
ด้าน พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านสืบสวน กล่าวว่า จากการสอบปากคําผู้ต้องหาเชื่อได้ว่าคดีของน้องการ์ตูนไม่ใช่คดีแรกที่ผู้ต้องหาก่อเหตุอย่างแน่นอน เพราะพฤติกรรมการทําร้ายเหยื่อนั้น ไม่มีเยื่อใยของความเมตตา อาจจะรู้สึกว่าไม่มีใครรักตน จึงทําให้ไม่รู้สึกรักใคร ประกอบกับผู้ต้องหาเป็นเด็กกําพร้า จากพฤติกรรมคาดว่าน่าก่อเหตุมาแล้วอย่างน้อย 10 ราย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนได้ทําการตรวจสอบตามคําให้การของผู้ต้องหาแล้วพบประมาณ 8 คดี ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 3 คดี ตาย 2 ราย รอด 1 ราย และคดีที่เกิดขึ้นในต่างจังหวัด 5 คดี ตาย 2 ราย รอด 3 ราย
ซึ่งทั้งหมดยังคงต้องพิสูจน์ทราบเพื่อตรวจสอบต่อไป เชื่อว่ายังมีบางส่วนที่ผู้ต้องหาก่อเหตุแล้วยังไม่รับสารภาพ จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนประสานข้อมูลไปยังพื้นที่เกิดเหตุทั้งหมด โดยเฉพาะจุดที่ผู้ต้องหาเดินทางไปให้ตรวจสอบข้อมูลว่ามีบุคคลอื่นๆ ที่สูญหาย หรือเสียชีวิต โดยเฉพาะเด็ก อย่างไรก็ตามชุดสืบสวนจะสอบปากคําโดยเทียบเคียงกับตารางการแสดงของวงหมอลําไหมไทย ตั้งแต่วันที่ผู้ต้องหาเริ่มทํางานวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา รวมแล้วประมาณ 28 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ทางภาคอีสาน และจะต้องมีการตรวจสอบภายหลังจากที่ผู้ต้องหาพ้นโทษมาเมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2555 ด้วยว่ามีการก่อเหตุมาก่อนหน้านี้มากี่ครั้ง