ศอ.รส.ระบุการ์ด กปปส.ยังไม่ได้ประสาน ตร.เพื่อเข้าสอบปากคำผู้ต้องสงสัยปาระเบิดปิงปองใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ปฏิเสธเตรียมใช้กำลังสลายแค่สับเปลี่ยนกำลัง วอนขอส่งกำลังดูแลความปลอดภัยเตือนมีมือที่ 3 เตรียมยกระดับความรุนแรง
วันนี้ (6 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. เปิดเผยว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แจ้งให้ข้าราชการตำรวจทั่วประเทศ น้อมนำพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปยึดถือเป็นแนวทางปฏิบัติอย่างเคร่งครัด พร้อมทำหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ทำหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างเต็มความสามารถ
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม และ สน.สำราญราษฎร์ ยังไม่มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยปาประทัดยักษ์และระเบิดปิงปองใส่กลุ่มการ์ด กปปส. บริเวณแยกคอกวัว เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยได้รับรายงานว่าหลังเกิดเหตุกลุ่มการ์ดผู้ชุมนุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้ แต่ยังไม่มีการประสานตำรวจเข้าไปสอบปากคำแต่อย่างใด และจากการข่าวพบว่ายังมีความพยายามก่อกวนโดยมือที่ 3 หรือกลุ่มวัยรุ่นที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อยกระดับความรุนแรง ศอ.รส.จึงมอบให้กองบัญชาการตำรวจนครบาลเข้าไปเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมในการส่งกำลังตำรวจเข้าไปดูแลความปลอดภัย
ทั้งนี้ ศอ.รส.ยังคงยืนยันมาตรการเดิมที่จะไม่ส่งกำลังเข้าไปสลายการชุมนุม เน้นป้องกันสถานที่สำคัญของราชการ ลดการก่อเหตุความรุนแรง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้กระทำผิดตามสถานการณ์ที่เหมาะสม เจรจาขอคืนพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เตรียมกำลังพลที่เหมาะสม พร้อมปรับภารกิจหน้าที่ให้สอดรับกับแนวทางของคณะทำงานแต่ละชุดที่ตั้งใหม่โดยรัฐบาล โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคล หรือผู้รับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่ให้การสนับสนุนการขุมนุม ในข้อหาร่วมกันสมคบกบฏ ตามมาตรา 114 นั้น ทาง ศอ.รส. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รอง ผบ.ตร.ร่วมหารือและศึกษาข้อกฎหมายว่าจะดำเนินการว่าเข้าข่ายการกระทำผิดหรือไม่
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาสลายกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น พล.ต.ต.ปิยะยืนยันว่าเป็นเพียงการสับเปลี่ยนกำลังตามปกติ