ตร.ตรวจสอบเหตุเด็กแว้นบุกป่วนการชุมนุมกลุ่ม กปปส.2 พื้นที่ ทั้งภายในกระทรวงการคลัง และสี่แยกคอกวัว พบชิ้นส่วนระเบิดปอง ปลอกกระสุนปืน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดล่าคนร้ายมาดำเนินต่อไป
วันนี้ (6 ธ.ค.) จาการกรณีเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่การ์ด กปปส.บาดเจ็บบริเวณริมถนนพระราม 6 ฝั่งตรงข้ามกระทรวงการคลัง จึงรุดไปตรวจสอบ พบว่ามีผู้บาดเจ็บคือนายบรรจง เพ็งสกุล อายุ 46 ปี การ์ด กปปส. ถูกยิงเข้าที่บริเวณแขนซ้าย ถูกนําตัวส่ง รพ.ราชวิถี
ด้านนายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แกนนํากลุ่ม กปปส.กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 4 ทุ่ม ตนได้รับแจ้งจากการ์ดว่ามีเหตุคนร้ายเป็นเด็กแว้นกลุ่มใหญ่เข้ามาก่อกวนโดยโยนระเบิดปิงปองข้ามรั้วฝั่งด้านติดคลองประปา เข้ามาภายในบริเวณกระทรวงการคลัง 1 ลูกตนจึงสั่งการให้การ์ดออกมาดูแลความเรียบร้อยด้านนอก กระทั่งเที่ยงคืนมีวิทยุแจ้งว่ามีการ์ดถูกยิงได้รับบาดเจ็บจึงรีบมาตรวจสอบ ตนจึงไปถามผู้ชุมนุมที่อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีชาย 2 คนขี่จักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ รุ่นและหมายเลขทะเบียนผ่านมา ก่อนจะใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่กลุ่มของการ์ดที่ยืนดูความเรียบร้อยอยู่ จนถูกนายบรรจงได้รับบาดเจ็บแล้ว จึงขับรถหลบหนีไป ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเหตุคนร้ายขว้างระเบิดปิงปองเข้ามาบริเวณกระทรวงฯ จนกระทั่งการ์ดถูกยิง ตนได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตํารวจที่รับผิดชอบในพื้นที่ไปแล้ว แต่ผ่านมากว่า 1 ชั่วโมงยังไม่พบเจ้าหน้าที่ตํารวจมาตรวจสอบตามที่แจ้ง จึงอยากฝากไปถึงนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.อดุลย์แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก หรือผู้รับผิดชอบ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตํารวจ หากมีสํานึกอยากให้เข้ามาช่วยตรวจสอบ
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. พ.ต.ท.ธีรศักดิ์ ศรีประเสริฐ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดช่วงก่อนหน้าเกิดเหตุพบว่า มีกลุ่มเด็กแว้นขับขี่จักรยานยนต์ประมาณ 30 คันขับวนไปมาอยู่บริเวณใกล้เคียงกับกระทรวงการคลัง ซึ่งคนร้ายในกลุ่มดังกล่าวได้ปาระเบิดปิงปองเข้ามายังบริเวณประตูกระทรวงการคลัง ด้านฝั่งเลียบคลองประปา และทาง ด้านกลุ่มการ์ดของ กปปส.ให้การว่า ช่วงก่อนหน้าเกิดเหตุนั้นได้ทําหน้าที่อยู่บริเวณดังกล่าวก่อนที่จะมีกลุ่มวัยรุ่นขี่จักรยานยนต์มาบริเวณใกล้เคียง จากนั้นได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดและอาวุธปืนดังขึ้น ภายหลังกลุ่มดังกล่าวได้ขับจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
พ.ต.ท.ธีรศักดิ์กล่าวอีกว่า คาดว่าทางคนร้ายได้ใช้ อาวุธปืนขนาด .22 สําหรับสาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์และอาจจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ก่อเหตุบริเวณแยกคอกวัว แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร ซึ่งหลังจากนี้จะประสานไปยัง สน.บางซื่อ พร้อมทั้งทําการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และสอบปากคํานายบรรจง เพ็งสกุล การ์ด กปปส.ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อรวบรวมหลักฐานติดตามจับกุมคนร้ายต่อไป
ส่วนเหตุการณ์กลุ่มเด็กแว้นขับขี่จักรยานยนต์เข้าไปปาระเบิดปิงปองใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. และเกิดการปะทะกับกลุ่มการ์ดที่บริเวณแยกคอกวัว ถนนราชดําเนิน แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร ทําให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบ โดยที่เกิดเหตุเป็นบริเวณริมฟุตปาธติดกับอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เจ้าหน้าที่พบเพียงรอยเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บทราบชื่อต่อมา คือ นายศรชัย ตุ๊กสุวรรณ อายุ 35 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่มือซ้ายขาดเป็นแผลฉกรรจ์ ส่วนอีกราย คือ นายโยธิน สุขมณี อายุ 18 ปี ได้รับบาดเจ็บมีแผลฉีกขาดที่สีข้าง ถูกนําส่ง รพ.วชิรพยาบาล
เจ้าหน้าที่การ์ด กปปส.รายหนึ่งกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 02.00 น. กลุ่มเด็กแว้นจํานวนกว่าร้อยคันได้ขับขี่จักรยานยนต์จากสะพานปิ่นเกล้าตรงมาที่แยกคอกวัว แล้วปาระเบิดปิงปองลงพื้นถนนหลายลูกแล้วขับหลบหนีไป กระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น.เศษ เด็กแว้นกลุ่มเดิมก็ย้อนกลับมาปาระเบิดป่วนอีกรอบทําให้กลุ่มการ์ดซึ่งมีผู้บาดเจ็บรวมอยู่ด้วยกรูจะเข้าไปเอาเรื่องจึงถูกกลุ่มเด็กแว้นใช้ระเบิดปิงปองปาลงพื้นเพื่อข่มขู่ถูกนายศรชัย และนายโยธินบาดเจ็บ จากนั้นกลุ่มเด็กแว้นก็ยังขับขี่จักรยานยนต์ย้อนกลับมาปาระเบิดป่วนอีกหลายรอบ ด้วยการยิงหัวนอตและตะปูใส่และเกิดการปะทะกันขึ้นจนกลุ่มเด็กแว้นได้รับบาดเจ็บ 2 รายแต่หลบหนีไปได้
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น. พ.ต.อ.จักรภพ สุคณธราช ผกก.สน.ชนะสงคราม พ.ต.อ.ฐิรวิทย์ บุษบัน พงส.ผทค.สน.ชนะสงคราม พร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานลงตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณแยกคอกวัว ด้านหน้าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบหลักฐานเป็นหัวนอตจํานวน 6 อัน ปลอกกระสุนปืน .380 ออโตเมติก จํานวน 5 ปลอก ชิ้นส่วนของระเบิดปิงปองจํานวน 2 ชิ้น เศษชิ้นส่วนคล้ายกระดูกมนุษย์ 1 ชิ้น และรอยเขม่าดินปืนจํานวนหนึ่ง ซึ่งในเบื้องต้นได้รวบรวมของดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน
ด้าน พ.ต.อ.จักรภพกล่าวว่า ภายหลังจากการลงตรวจสอบในบริเวณที่เกิดเหตุแล้วสามารถรวบรวมของทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งในส่วนของปลอกกระสุนนั้นจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเนื่องจากมีจํานวน 5 ปลอก ซึ่งคาดว่าคนร้ายนั้นอาจจะมีอาวุธปืนไม่ต่ากว่า 1 กระบอก อีกทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่สอบพยานแวดล้อมและตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดรวมไปถึงทําการสอบปากคําผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 รายอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดําเนินคดีต่อไป