xs
xsm
sm
md
lg

“จรัมพร” สรุปคดีวุ่นวายหน้ารามฯ - ฆ่า นศ.เป็น 6 คดี 5 ศพ - พบหลักฐานปลอกกระสุน 34 ปลอก

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา สบ.10
“จรัมพร” สรุปความคืบหน้าแนวทางการสืบสวนคลี่คลายคดีความวุ่นวายหน้ารามคำแหง จนเป็นเหตุให้ นศ.รามฯเสียชีวิต แบ่งเป็น 6 คดี ผู้เสียชีวิต 5 ราย พร้อมยอมรับข้อสังเกตโครงกระดูกในซากรถบัสยังไม่รู้ตายก่อนหรือหลังถูกคนร้ายเผา เผยหลักฐานพบปลอกกระสุนหลายขนาดตกในที่เกิดเหตุ 34 ปลอก ส่วนตัวเชื่อไม่มีสไนเปอร์หลังตรวจสอบเขม่าดินปืนพบการยิงในแนวราบ

เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (3 ธ.ค.) ที่ สน.วังทองหลาง พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา สบ10 พล.ต.ต.นัย วัฒน์ผะเดิมชิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น. พนักงานสอบสวน ได้ประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคําแหงปะทะกับกลุ่ม นปช.และกรณีมีการเผารถตู้และรถบัสจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต

พล.ต.อ.จรัมพรกล่าวว่า วันนี้ทางเจ้าหน้าที่มาประชุมกันเพื่อเร่งรัดความคืบหน้าเกี่ยวกับคดี ตอนนี้เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 รายแบ่งเป็น 6 คดี คือ 1. คดีการเสียชีวิตของนายทวีศักดิ์ โพธิ์แก้ว นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคําแหง 2. คดีการเสียชีวิตของนายวิษณุ เภาพู่ ผู้ชุมนุม 3. คดีการเสียชีวิตของนายวิโรจน์ เข็มนาค ผู้ชุมนุม 4. คดีการเสียชีวิตของพลทหารสนิท เวียงคํา 5. คดีการเสียชีวิตของนายสุรเดช คําแปงใจ ซึ่งถูกเผาในรถบัส ทะเบียน 30-0170 กําแพงเพชร ซึ่งอาจรวมเป็นคดีเดียวกับคดีที่ 5 นั่นคือคดีการเผารถบัสคันดังกล่าว ซึ่งทําให้เสียทรัพย์และเป็นเหตุให้มีผู้อื่นเสียชีวิต และ 6. คดีเผารถตู้ซึ่งเป็นเหตุทําให้เสียทรัพย์ ซึ่งขณะนี้ทางฝ่ายสอบสวนและฝ่ายสืบสวนได้แบ่งงานกันทํา โดยทางฝ่ายสืบสวนจะลงพื้นที่เพื่อหาภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ รวมถึงภาพถ่ายวิดีโอ ในขณะที่ฝ่ายสอบสวนรวบรวมพยานอื่นๆ เช่น พยานบุคคล

พล.ต.อ.จรัมพรกล่าวอีกว่า และในเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคําแหงกับกลุ่มเสื้อแดง แล้วเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 4 รายนั้น ตนจะไปจําลองสถานการณ์จริง เพื่อตรวจสอบวิถีกระสุนว่ามีลักษณะอย่างไรกันแน่

ส่วนคดีการเผารถบัสจนเป็นเหตุให้พบโครงกระดูก ซึ่งภายหลังนางนฤมล คําพยัคฆ์ มายืนยันว่าโครงกระดูกดังกล่าวเป็นนายสุรเดช ลูกชายนั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้มีการนําดีเอ็นเอของนางนฤมลไปตรวจสอบแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. คาดว่าผลน่าจะออกมาภายใน 1 สัปดาห์ นอกจากนี้จะต้องนําลักษณะและการแต่งกายของนายสุรเดชก่อนออกจากบ้านว่าแต่งกายอย่างไร รวมทั้งมีอะไรพกติดตัวบ้าง หลังจากนั้นจึงนํามาเปรียบเทียบกับอุปกรณ์ที่เหลืออยู่ ในบริเวณใกล้ๆ กับโครงกระดูกดังกล่าวว่าตรงกันหรือไม่ เพื่อยืนยันว่าโครงกระดูกนั้นเป็นของนายสุรเดชจริง

พล.ต.อ.จรัมพรกล่าวต่อว่า กรณีที่เกิดข้อสงสัยว่าผู้ตายเสียชีวิตก่อนหรือหลังที่รถบัสโดนเผานั้น ตน ยอมรับว่าขณะนี้ยังไม่สามารถบ่งชี้ถึงเหตุการณ์ในตอนเกิดเหตุได้ เนื่องจากสภาพศพไหม้เกรียมและเสียหายมาก จึงคงทําได้เพียงนําโครงกระดูกไปตรวจดูว่ารอยกระสุนหรือหาร่องรอยอื่นๆ อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง แต่ในส่วนสาเหตุของไฟไหม้ว่าเกิดจากอะไรและเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้นต้องรอสอบสวนจากพยานบุคคลต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.วันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตํารวจ สน.โชคชัย ได้ทําการจับกุม นายศรชัย หรือชัย อนงค์ อายุ 24 ปี พร้อมนายมาโนชญ์ หรือโนชญ์ เถื่อนแพ อายุ 22 ปี และเยาวชนอายุ 17-18 ปี จํานวน 3 ราย โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจภายในซอยลาดพร้าว 93 ถ.ลาดพร้าว แขวงและเขตวังทองหลาง กทม.จากการตรวจสอบพบอาวุธมีดปลายแหลมจํานวน 2 เล่ม ใบกระท่อม 72 ใบ บัตรแขวนระบุเจ้าหน้าที่การ์ด กปปส.สอบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดได้เรียกรถแท็กซี่สาธารณะจากลาดพร้าวให้ไปส่งที่ชุมนุมกระทรวงการคลัง ต่อมาได้ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบของกลางดังกล่าวจึงควบคุมตัวมาสอบสวน นอกจากนี้ นายศรชัย มีหมายจับเลข ที่ 317/52 ลงวันที่30 มิ.ย. 52 สภ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ในข้อหาข่มขืน โดยมีลักษณะโทรมหญิง จากนั้นจึงได้นําตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ต่อมา พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ10) กล่าวอีกครั้งถึงการตรวจพิสูจน์หลักฐานเหตุการณ์ความรุนแรงที่ ม.รามคำแหง ว่า ขณะนี้อยู่ระหว้่่างการพิสูจน์ทราบผู้เสียชีวิต โดยเฉพาะศพผู้ที่เสียชีวิตในรถบัสที่ถูกเผา แม้ทางญาติจะยืนยันด้วยแหวน กุญแจ โทรศัพท์ ที่พบในตัวศพ แต่ทางพนักงานสอบสวนต้องยืนยันด้วยดีเอ็นเอ จาการตรวจที่เกิดเหตุพบทั้งลูกกระสุน ปลอกกระสุน และหัวกระสุน สำหรับปลอกกระสุนที่พบ จำนวน 34 ปลอก มีทั้งขนาด .45 และ.38 .380 .25 .22 ลองไรเฟิล ส่วนถูกยิงมาจากอาวุธปืนกระบอกใด อยู่ระหว่างการเปรียบเทียบ เบื้องต้นพบว่ามีการใช้อาวุธ 6 ชนิด ทั้งปืนสั้น ปืนยาว ส่วนลูกกระสุนและปลอกกระสุนจะมีการเก็บเพิ่มเติมอีก เพราะบริเวณกว้าง เชื่อว่าน่าจะมีอีก ส่วนผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ได้ให้พนักงานสอบสวนไปเก็บข้อมูล เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี

พล.ต.อ.จรัมพร กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุลักษณะของเหตุการณ์ คือมีการยิงกันไป ยิงกันมา ส่วนที่มีการระบุว่ามีสไนเปอร์หรือพลซุ่มยิงที่เป็นลักษณะการยิงเฉพาะเจาะจงนั้น ยืนยันว่าไม่น่าจะมี อย่างกรณีของนักศึกษารามคำแหงที่ถูกยิงเสียชีวิต เป็นการยิงเฉพาะหน้าในแนวราบ ระยะใกล้ ห่างประมาณเพียง 2-3 เมตร ไม่ใช่ระยะประชิด เพราะไม่มีเขม่าดินปืนที่บาดแผล โดยถูกยิงด้วยอาวุธปืนสั้นขนาด 11 มม.ขณะที่ในจุดเกิดเหตุก็พบปลอกกระสุนชนิดเดียวกันตกอยู่ ส่วนปืนยาวที่พบว่าน่าจะมีการใช้ก็เป็นปืนลูกกรด กระสุนขนาด 7.22 ทั้งนี้ ในเรื่องของสไนเปอร์นั้น จะมีการสอบปากคำพยานบุคคลด้วย ไม่ได้ใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่ามี

“กระสุนมีการยิงเป็นจุดๆ บางทีก็กระจัดกระจาย กระสุนที่รวบรวมมาจะนำมาพิสูจน์จานท้ายเพื่อแยกแยะว่ามีจำนวนปืนที่ใช้ก่อเหตุกี่กระบอก วิถีการยิงมีทั้งวิถีการยิงมุมเงย และเสยเล็กน้อย อย่างกรณีผู้เสียชีวิตรายหนึ่งที่ถูกยิงทะลุหมวกกันน็อกก็เป็นวิถีการยิงแนวราบ ส่วนจะเป็นลักษณะการลอบยิงหรือไม่นั้นก็ต้องตรวจพิสูจน์หาวิถีการยิงอีกครั้ง” ที่ปรึกษา (สบ10) ย้ำ
กำลังโหลดความคิดเห็น