ศอ.รส.ชี้ม็อบดาวกระจายมีความพยายามปลุกระดมมวลชนให้เข้าปะทะ หรือทำลายแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ ยันเอาอยู่ไม่จำเป็นต้องขอกำลังทหาร สั่งเสริมกำลังพลระลอกสองอีก 84 กองร้อย อ้างจับผู้ต้องหาพกปืน สารภาพเป็นการ์ดของกลุ่ม คปท.
วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ สตช. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. กล่าวว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ได้มีการเคลื่อนขบวนไปยังเส้นทางต่างๆ โดยแนวทางเคลื่อนไหวของทั้ง 3 กลุ่มใหญ่ ประกอบด้วย กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มกองทัพประชาชน และกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ซึ่งแยกกันเคลื่อนไหว แต่มีเป้าหมายเดียวกัน โดยกลุ่มพรรคประชาธิปัตย์จะเน้นเดินขบวนไปยังส่วนราชการและสถานีโทรทัศน์ 13 จุด มุ่งเน้นแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ให้ข้าราชการที่มีแนวคิดเดียวกันออกมาร่วมชุมนุม ส่วนกลุ่มกองทัพประชาชน ดาวกระจาย 8 จุด รับผิดชอบการเคลื่อนย้ายมวลชน เพื่อกดดันในพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เน้นยั่วยุกดดันเจ้าหน้าที่เพื่อให้เกิดการปะทะ
ขณะที่กลุ่ม คปท.มีภารกิจกดดันแนวตำรวจ ถนนพระราม 5 ทั้งเส้น โดยกลุ่มพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีการถอนตัวจากจุดใด ส่วนกลุ่มกองทัพประชาชน และกลุ่ม คปท.มีแนวโน้มค้างแรมเพื่อปิดกั้นทางเข้าออกของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม พบว่าแกนนำหลายจุดมีความพยายามปลุกระดมมวลชนให้เข้าปะทะหรือทำลายแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ ซึ่งช่วงบ่ายมีกระแสข่าวว่ากลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วาจะเคลื่อนขบวนไปสถานบันการเงินต่างๆ อเช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์ ด้วย
พล.ต.ต.ปิยะยืนยันว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องขอกำลังสนับสนุนจากทหาร โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งกำลังระลอกที่ 2 จำนวน 84 กองร้อย เข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติมแล้ว และกำลังระลอกที่ 3 เตรียมพร้อม 100% ส่วนการชุมนุมด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พลตำรวจเอกอุดม รักศีลธรรม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้เจรจาเอง เชื่อ พูดคุยกันได้
ส่วนการจับกุม นายสานิต โป่งจินา อายุ 45 ปี พร้อมของกลาง เช่น ปืนและเครื่องกระสุน ขนาด 11 มม. จำนวน 78 นัด, หัวนอต, หนังสติ๊ก และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ขณะขับขี่จักรยานยนต์ผ่านด่านตรวจความมั่นคงที่หน้าพรรคเพื่อไทยเมื่อคืนนี้ ล่าสุดสารภาพแล้วว่าเป็นการ์ดของกลุ่ม คปท.จริง โดยมีภาพถ่ายคู่กับแกนนำยืนยัน ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมขยายผลตรวจค้นบ้านต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษก ศอ.รส. เปิดเผยเส้นทางที่ปิดการจราจรในขณะนี้ จำนวน 12 เส้นทาง ได้แก่ ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกวังแดง ถึงยมราช, ถนนนครสวรรค์ จากแยกเทวกรรม ถึงแยกนางเลิ้ง, ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ถึงแยก จปร., ถนนจักรพรรดิพงษ์ จากแยก จปร. ถึงแยกจักรพรรดิพงษ์, แยกผ่านฟ้าฯ ถึงแยกหลานหลวง และแยกจักรพรรดิพงษ์, ถนนพระราม 5 จากวัดเบญจฯ ถึงสะพานอรทัย, ถนนลูกหลวง จากแยกราชสีมา ถึงสะพานอรทัย, ถนนราชวิถี จากแยกราชวิถี ถึงแยกการเรือน, ถนนศรีอยุธยา จากแยกพล 1 ถึงแยกวัดเบญจฯ, ถนนราชดำเนินนอก จากแยกพระรูป ถึงแยกมัฆวานฯ, ถนนอู่ทองใน จากแยกอู่ทองใน ถึงพระลานพระราชวังดุสิต และถนนพิชัย จากแยกขัตติยานี ถึงแยกอู่ทองใน
