ผอ.ฝ่ายบริหารธุรกิจ บริษัทฟาร์อีสฯ เข้าแจ้งความตำรวจ สน.พญาไท ถูกมือดีแฮกข้อมูลเอทีเอ็ม มีผู้เสียหายร่วมด้วย 8 ราย สูญเงินกว่า 4 แสนบาท เตือนระวังการใช้ตู้เอทีเอ็ม เตรียมตรวจสอบกล้องวงจรปิดธนาคารสำนักงานใหญ่ ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (12 พ.ย.) ที่สน.พญาไท นายอนุพล ภูวพูนผล อายุ 53 ปี ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจ บริษัท ฟาร์อีสดีดีบี จำกัด (มหาชน) เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.กฤษณะ มั่นศักดิ์ พนักงานสอบสวน สน.พญาไท หลังพบว่าเงินในบัญชีธนาคารทหารไทยของตน สูญหายไปจำนวน 400,000 บาท
นายอนุพลกล่าวว่า วันนี้พนักงานในบริษัทของตนหลายคนได้มีการเล่าให้ฟังว่า ได้ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารทหารไทย สาขาพญาไท ตั้งอยู่ที่อาคารซีพีทาวเวอร์ 3 ถ.ศรีอยุธยา แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี และพบว่าเงินในบัญชีสูญหายไป ซึ่งตนเองก็ได้ไปกดเงินที่ตู้ดังกล่าวเช่นเดียวกันเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยในตอนแรกก็ไม่เอะใจ ไม่คิดว่าจะบัญชีจะโดนแฮกข้อมูล เหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ เพราะใช้บริการตู้เอทีเอ็มดังกล่าวเมื่อกว่า 10 วันมาแล้ว กระทั่งได้นำสมุดบัญชีไปตรวจสอบยอดเงินกับธนาคาร พบว่ามีการถอนเงินออกจากจากบัญชีของตนเมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 20 ครั้งๆ ละ 20,000บาท และในวันนี้มีการถอนเงินไปจำนวน 20 ครั้งละๆ 20,000 บาท รวมเงินที่ถูกถอนไปจำนวน 400,000 บาท พร้อมค่าธรรมเนียมธนาคาร 60 บาท โดยหลังรู้ว่าบัญชีถูกแฮก ตนจึงได้ขออายัดบัญชี ซึ่งทางธนาคารแจ้งว่าจะชดเชยเงินที่ถูกถอนไปให้ทั้งหมด
“อยากฝากตือนไปยังผู้ที่ใช้บริการตู้เอทีเอ็มธนาคารทหารไทย ไม่ว่าจะเป็นสาขาเดียวกับผมหรือสาขาอื่นๆ รวมทั้งธนาคารอื่นด้วย ให้ตรวจสอบบัญชีของท่าน ว่าบัญชีถูกแฮกข้อมูลด้วยหรือไม่ หากพบว่ามีความเคลื่อนไหวทางการเงินที่ผิดปกติ หรือพบว่ามีการแฮกข้อมูลให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อตรวจสอบ พร้อมทั้งอายัดบัญชีเอาไว้ก่อน” นายอนุพลกล่าว และว่าผู้เสียหายที่มาแจ้งความส่วนใหญ่ในวันนี้เป็นพนักงานบริษัทของตนเพราะทางบริษัทจ่ายเงินเดือนเข้าบัญชีธนาคารทหารไทย
ด้านนายทวี รัตนานุกูลพงษ์ อายุ 41 ปี พนักงานบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งภายในอาคารซีพีทาวเวอร์ 3 ย่านพญาไท กล่าวว่า ตนเป็นพนักงานของบริษัทโฆษณา ตำแหน่งเจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ซัปพอร์ต โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมาตนนำบัตรเอทีเอ็มของธนาคารทหารไทยไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารทหารไทย จากนั้นก็กลับมาทำงานตามปกติ กระทั่งช่วงเช้าวันนี้มีเพื่อนพนักงานหลายคนในบริษัทบอกว่าเงินในบัญชีหายไปจำนวนมากโดยที่ยังไม่ได้เบิกไปใช้ ตนจึงรีบไปตรวจสอบยอดเงินบัญชีกับทางธนาคาร พบว่าเงินหายไปจำนวน 45,800 บาท เหลือติดบัญชีไว้เพียง 63 บาท จากนั้นตนจึงสอบถามว่าเงินถูกถอนออกไปวันไหน พนักงานธนาคารก็ตอบว่าถูกถอนออกไปเมื่อวันที่ 11 พ.ย.จำนวน 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 กับครั้งที่ 2 ถูกถอนไปครั้งละ 20,000 บาท ส่วนครั้งสุดท้ายก็ถูกถอนออกไปจนหมดบัญชีเหลือเงินอยู่แค่ 63 บาทเท่านั้น ตนจึงเดินทางมาแจ้งความดังกล่าว ซึ่งเพื่อนในบริษัทก็โดนไปหลายคนและทยอยเดินทางมาแจ้งความก่อนหน้านี้แล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้มีการลงบันทึกประจำวัน พร้อมสอบปากคำผู้เสียหายเอาไว้ ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนไปตรวจสอบที่ตู้เอทีเอ็มที่ผู้เสียหายระบุว่ามีเครื่องคัดลอกข้อมูลหรือสกิมเมอร์ติดอยู่หรือไม่ พร้อมจะประสานกับทางธนาคารเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดหาตัวผู้ต้องสงสัย ทั้งนี้ มีรายงานว่าตลอดทั้งวันที่ผ่านมามีผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สน.พญาไทแล้ว 8 ราย