xs
xsm
sm
md
lg

คนใกล้ชิด “หมอนิ่ม” ใบสั่งตาย “เอ็กซ์”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


โดยผู้กองตั้ง

กว่า 2 สัปดาห์หลัง “เอ็กซ์” จ.ส.อ.จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ถูกยิงเสียชีวิต ภายในรถยนต์ปอร์เช่สีดำ ทะเบียน ชส-2223 กทม.ที่บริเวณปากซอยปากซอยรามคำแหง 166 ถนนรามคำแหง (ฝั่งขาเข้า) เขตมีนบุรี เมื่อคืนวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ถือเป็นคดีฆาตกรรมที่อุกอาจและสะเทือนขวัญที่ต้องจดจำอีกหนึ่งคดี เพราะเมื่อพิเคราะห์ปฏิบัติการของ “ทีมสังหาร” แล้ว ต้องบอกว่า เป็น “มืออาชีพ” และผ่านการ “วางแผน” มาเป็นอย่างดี

ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า “เอ็กซ์-จักรกฤษณ์” เป็นนักแม่นปืนมืออาชีพระดับทีมชาติ และมีความเชี่ยวชาญด้านอาวุธขั้นเทพ ผ่านการแข่งขันและได้รับรางวัลในระดับนานาชาติมามากมายหลายรายการ จึงถือว่าใน พ.ศ.นี้ “เอ็กซ์-จักรกฤษณ์” ไม่เป็นสองรองใคร

หลังการเสียชีวิต ตร.ได้พุ่งเป้าถึงปมลอบสังหารไว้ 4 ประเด็น คือ 1.ยาเสพติด 2.ความขัดแย้งในวงการพระเครื่อง 3.ความขัดแย้งในสมาคมยิงปืน และ 4.ประเด็นความขัดแย้งในครอบครัว ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติ “เอ็กซ์” ย้อนหลังก่อนการเสียชีวิตประมาณ 1 เดือน

พบเบาะแสที่ยืนยันชัดเจนว่า เจ้าตัวรู้ดีว่ากำลังถูกปองร้าย จึงเปลี่ยนที่พักอาศัยบ่อยครั้ง รวมทั้งการหันมาใช้รถปอร์เช่ เพราะมีสมรรถนะและความคล่องตัวสูงเพื่อใช้ในการหลบเลี่ยงศัตรู

ภายหลังเกิดเหตุชุดสืบสวนทั้งนครบาลและกองปราบปราม ต่างส่งกำลังลงพื้นที่แกะรอยปมสังหาร ทั้ง 4 ประเด็นอย่างรีบร้อนแต่รัดกุม ในที่สุดประเด็นแรกที่ถูกตัดทิ้งออกไปคือ เรื่องยาเสพติด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ได้สรุปผลการสอบสวนว่า “เราได้ตัดประเด็นยาเสพติดทิ้ง ยืนยันว่านายจักรกฤษณ์ มีการใช้สารเสพคิดจริง แต่ไม่ได้มีการจําหน่าย โดยนายจักรกฤษณ์ร่วมเสพยากับพวกอีก 2-3 คน แต่ไม่ได้เป็นคนนําไปจําหน่ายให้เพื่อนแน่นอน ทำให้ไม่เห็นความขัดแย้งใดๆ” ผบช.น.กล่าว

ประเด็นที่ 2 ที่ชุดสืบสวนนครบาลได้ตัดออกไปคือความขัดแย้งในธุรกิจพระเครื่อง หลังได้สอบปากคำเซียนพระหลายราย โดยเฉพาะการสอบปากคำ นายสุนทร บุญญะทวีวัฒน์ หรือ อ๊อด นครปฐม ที่สนิทสนมกับเอ็กซ์ และเป็นผู้ที่เอ็กซ์หลบไปพักชั่วคราวก่อนการเสียชีวิต หลัง “อ๊อด” ระบุว่าประเด็นความขัดแย้งในวงการพระเครื่องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาการเช่าพระราคาเป็นสิบล้านก็ไม่มีปัญหาอะไร พร้อมยืนยันว่านายจักรกฤษณ์ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายพระปลอมอย่างแน่นอน เพราะอย่างที่ทราบถ้าซื้อขายพระเครื่องที่มูลค่าเป็นล้าน จะต้องนำพระไปให้เซียนพระหลายรายดูจนแน่ใจว่าเป็นพระแท้ คงไม่ได้ตกลงซื้อขายกัน หรือจ่ายเงินทันที

ปมที่ 3 เรื่องความขัดแย้งในสมาคมยิงปืนแห่งประเทศไทย ที่ชุดสืบสวนได้ตัดทิ้งเป็นประเด็นสุดท้าย หลังการสอบปากคำ นายโอภาส เรืองปัญญาวุฒิ อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ให้การว่าตนได้ร่วมกับเอ็กซ์ ฟ้องร้องทางสมาคม เรื่องการตัดสิทธิ์สถานภาพตัวแทนนักกีฬายิงปืนของสมาคมฯ เรื่องเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาบางส่วนที่ยังไม่ได้รับ รวมถึงเรื่องกระสุนปืนที่ได้ไม่ครบตามจำนวนที่เบิกจ่าย ซึ่งทางศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาแล้วว่า ตนและเอ็กซ์ไม่มีความผิด ถือเป็นการต่อสู้กันตามกระบวนการยุติธรรม จึงไม่น่าจะเป็นประเด็นนำไปสู่การสังหาร

ดังนั้นจึงเหลือประเด็นสุดท้ายคือเรื่องความขัดแย้งในครอบครัว ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าก่อน “เอ็กซ์” จะเสียชีวิตได้มีปัญหาทะเลาะกันอย่างรุนแรงกับ พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือหมอนิ่มภรรยา ถึงขนาดถูกนางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม มารดา และ พญ.นิธิวดีเข้าร้องเรียน นางปวีณา หงสกุล รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทั่งนำไปสู่การแจ้งความ สน.มีนบุรี เพื่อออกหมายจับหนุ่มนักแม่นปืนเลือดร้อนหลายข้อหาจนต้องติดคุกติดตะรางอยู่หลายวัน

และร่องรอยที่น่าสนใจก็คือ ความขัดแย้งมิได้หยุดอยู่แค่ภรรยาเท่านั้น หากยังลุกลามไปถึงครอบครัวของหมอนิ่มผู้เป็นภรรยาอีกด้วย เพราะในสำนวนคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว ตำรวจระบุเอาไว้ชัดเจนว่า “หากมีการปล่อยตัวชั่วคราวผู้เสียหายก็จะไม่สามารถเข้าบ้านได้ และผู้ต้องหายังได้กระทำผิดซ้ำซาก คลุ้มคลั่งจากการดื่มของมึนเมา มีการข่มขู่ผู้เสียหาย จะฆ่าบุตรและบิดามารดาของผู้เสียหาย”

ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น หลังจากที่เอ็กซ์ติดคุกติดตะรางได้ระยะหนึ่ง ก็ได้รับการประกันตัวออกมา เมื่อวันที่ 4 ก.ย.เอ็กซ์ก็ได้ก่อวีรกรรมขึ้นอีกครั้ง เมื่อตัดสินใจเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางชัน ดำเนินคดี พญ.นิธิวดี ผู้เป็นภรรยา และธนาคารกสิกรไทย ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ภายหลังถูกลักลอบขนทรัพย์สินในตู้นิรภัยของธนาคารกสิกรไทย สาขาสุขาภิบาล 3 มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท แต่ธนาคารติดตามทรัพย์สินคืนมาไม่ได้ โดยทรัพย์สินที่หายไป เอ็กซ์ให้การว่ามีทั้งพระเครื่อง ทองคำทั้งรูปพรรณและทองคำแท่ง เพชร และสิ่งมีค่าทางจิตใจที่สะสมมาเป็นเวลานาน ที่ได้ฝากไว้ในตู้นิรภัยของธนาคาร ซึ่งถือว่ามีระบบความปลอดภัยสูงสุด แต่กลับถูกเปิดโดยพลการเพื่อให้ผู้ที่ไม่มีอำนาจนำทรัพย์สินของตัวเองออกไป

สรุปก็คือเอ็กซ์กล่าวหาว่า พญ.ณิธิวดีเป็นผู้โจรกรรมทรัพย์สินในตู้นิรภัยของตนเองไป ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าความบาดหมางระหว่างสามีภรรยาคู่นี้เขม็งเกลียวหนักขึ้นกว่าเก่า

แม้ว่าความบาดหมางของสามี-ภรรยา จะถูกลดดีกรีความขัดแย้งลงไปเปราะหนึ่ง เมื่อปรากฏภาพเอ็กซ์เดินทางมาที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อขอให้นางปวีณา เป็นคนกลางช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อขอคืนดีกับภรรยา โดย “เอ็กซ์” ยอมกล่าวขอโทษและยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งสัญญาว่าจะให้ความอบอุ่นต่อภรรยาและลูก และจะไม่ใช้ความรุนแรงต่อครอบครัวหรือสังคมอีก....

แม้ภาพที่ปรากฏออกสู่สาธารณชนของเอ็กซ์และหมอนิ่ม จะมีแนวโน้มไปในเชิงบวก แต่ในเบื้องลึกแล้วไม่มีใครรู้ว่า ปมความขัดแย้งของบุคคลใกล้ชิดหมอนิ่มก่อนหน้านี้ จะร่วมพึงพอใจกับสัมพันธภาพที่กำลังจะดีวันคืนของบุคคลทั้งสองด้วยหรือไม่

เพราะช่วงที่เอ็กซ์ทะเลาะกับภรรยาก่อนหน้านี้ หมอนิ่มก็มักจะนำเรื่องไปปรึกษามารดาและพี่ชายต่างมารดาของหมอนิ่มอยู่เสมอ ถึงขนาดว่าทางญาติของหมอนิ่มต้องลงทุนจ้างสารวัตรทหารอากาศ (สห.ทอ.) 4 นาย มาดูแล พญ.นิธิวดี เป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัยของหมอนิ่ม

ชุดสืบสวนนครบาลไม่รอช้าเร่งทำการสอบปากคำ 4 สห.ทอ.ทันที เพราะถือเป็นคนใกล้ชิดหมอนิ่ม โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวภายหลังการสอบปากคำว่าชุด รปภ.ทั้ง 4 นาย ไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องหา แต่ไปขอความร่วมมือในการให้ปากคำ เบื้องต้นไม่น่าจะมีปัญหา เป็นการสอบปากคำธรรมดา เพราะเป็นการทำงานนอกเวลา หลังจากเลิกงาน สห.ทอ.ทั้ง 4 นาย ก็มาทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้ พญ.นิธิวดี เท่านั้น ไม่ใช่ว่าทั้ง 4 นาย จะต้องเป็นคนลงมือก่อเหตุ

“จากคำให้การของ สห.ทั้ง 4 นาย ระบุว่าใช้เวลานอกราชการสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาดูแลครั้งละ 1 นาย ไม่มีการพกปืน แต่เจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบปืนส่วนตัวของทหารทั้ง 4 นายแล้วพบว่าเป็นปืนถูกกฎหมายและไม่ตรงกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ” นอกจากการสอบสวนพบว่า ทหารทั้ง 4 นายเคยพบหน้าเอ็กซ์ เพียง 2 ครั้งช่วงที่มาเยี่ยมลูกและไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกันด้วย จากการสอบสวนไม่พบข้อสงสัยถึงความเชื่อมโยงกับคดีนี้

ชุดสืบสวนยังคงเดินหน้าขุดคุ้ยความขัดแย้งในครอบครัว โดยเฉพาะคนใกล้ชิดหมอนิ่มว่า เป็นผู้ต้องสงสัยบงการฆ่า “เอ็กซ์” โดยเฉพาะเมื่อครั้ง “เอ็กซ์” ฟิวส์ขาด บุกไปอาละวาดด่าทอ “แม่ใหญ่” ซึ่งเป็นบุคคลที่หมอนิ่มและญาติๆ ให้ความเคารพนับถือ หลังสร้างวีรกรรมที่ก้าวร้าว “เอ็กซ์” ก็เกิดอาการระแวงและรู้ตัวว่าอันตรายกำลังคืบคลานใกล้ตัวเต็มที จึงตัดสินใจหนีไปอาศัยอยู่กับ “อ๊อด เซียนพระ” ที่ จ.นครปฐม ก่อนที่จะกลับเข้ากรุงเทพฯ กระทั่งพบจุดจบดังกล่าว

คดีนี้กำลังขมวดปมสาวถึงคนใกล้ชิดหมอนิ่มมากขึ้นทุกวัน ทั้งชุดสืบสวนและสอบสวนนครบาลกำลังเค้นหนักทั้งพยานและคนใกล้ชิดของทั้งสองฝ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเรียกสอบเพิ่มเติมคนที่เคยสอบสวนไปแล้วในเรื่องที่เกี่ยวข้อง โดยฝ่ายสืบสวนได้ให้ประเด็นบางส่วนเพิ่มเติมเข้ามาเรื่อยๆ เพราะการสอบสวนครั้งแรกอาจขาดตกบกพร่องไป จึงจำเป็นต้องเรียกสอบซ้ำอีก บางคนสอบซ้ำถึง 4-5 ครั้ง โดยการสอบสวนทุกเรื่องพุ่งประเด็นไปที่เรื่องความขัดแย้งภายในครอบครัวเป็นหลัก

ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่า ขณะนี้ทางทีมสืบสวนกำลังเชื่อมโยงพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมเรียกสอบปากคำพยานเพิ่มเติมในบางประเด็นที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยชุดสืบสวนได้นำพยานหลักฐานต่างๆ ส่งมอบให้ฝ่ายสอบสวนเพื่อเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนเพิ่มเติม และพบประเด็นความโกรธแค้นของผู้ตายที่มีต่อภรรยา เนื่องจากไม่พอใจที่นำเงินบางส่วนไปให้ญาติกู้ยืมโดยไม่บอกกล่าว จึงไปต่อว่าด่าทอคนในครอบครัวของภรรยา กลายเป็นปมเหตุความขัดแย้งสะสมในประเด็นปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้น ซึ่งแตกย่อยไปหลายสาเหตุต่างกรรมต่างวาระกัน พนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนในแต่ละเรื่องให้กระจ่างชัดเจนมากที่สุดรวมถึงเรื่องการซื้อขายรถสปอร์ตหรู ระหว่างนายจักรกฤษณ์ กับญาติฝ่ายภรรยา รวมถึงเรื่องการทำประกันชีวิตที่มีวงเงินหลายสิบล้านบาทของ นายจักรกฤษณ์ ซึ่งมีบางแง่มุมที่ทีมสืบสวนนั้นให้ความสนใจ

“ขณะเดียวกันจะมีการเรียกสอบปากคำพี่ชายต่างมารดาของหมอนิ่มเพิ่มเติม คือนายโต่ง และนายหนุ่ย ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งยังอยู่ในข่ายที่ตำรวจเตรียมเรียกมาสอบปากคำซ้ำอีกในบางประเด็น ส่วนการหาตัวผู้จ้างวานสังหารในครั้งนี้ ทีมสืบสวนให้ความสนใจมุ่งไปที่ญาติคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูล เพื่อที่จะเชื่อมโยงกับทีมสังหารต่อไป”

โดยขณะนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าทีมสังหารมีด้วยกัน 4 คน แบ่งหน้าที่เป็นคนชี้เป้า คนขับรถ มือปืนลั่นไก และคนคุ้มกันมือปืนที่พร้อมลงมือซ้ำ หากทำงานพลาด โดยอาวุธปืนที่ใช้เป็นทูตมรณะ ผลจากการตรวจสอบของกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) พบว่าเป็นปืนที่ผลิตในประเทศรัสเซีย ใช้ลูกกระสุนขนาด 9 มม.และมักจะนิยมในหมู่ของพวกนักสะสมปืนรุ่นเก่า ซึ่งทีมสืบสวนนครบาลเฝ้าประกบและติดตามความเคลื่อนไหวแล้ว 3 คน รอเพียงรวบรวมหลักฐานชัดเจนนำไปสู่การขออนุมัติศาลออกหมายจับคาดว่าในสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนแน่นอน

กระแสข่าวยืนยันว่าขณะนี้ ชุดสืบสวนได้ตามประกอบทีมสังหารไว้หมดแล้ว รอเพียงการรวบรวมพยานในชั้นสุดท้ายเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ ก็พร้อมรวบตัวได้ทันทีส่วนจะขยายผลไปถึงตัวผู้บงการฆ่า ซึ่งมีกระแสว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนมีสีได้หรือไม่นั้น คงเป็นบทพิสูจน์ของชุดสืบสวนตำรวจนครบาลภายใต้การกุมบังเหียนของ “เดอะแจ๊ด” แม่ทัพนครบาลอีกคำรบ

กำลังโหลดความคิดเห็น