ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เผยความคืบหน้าคดีคนร้ายยิง “เอ็กซ์ จักรกฤษณ์” เสียชีวิต ตำรวจเผย “เอ็กซ์ จักรกฤษณ์” หนีกบดานบ้านพ่อบุญธรรม “พยัพ คำพันธุ์” ก่อนเดินทางเข้าบ้านพักก่อนพบจุดจบเพียง 1 วัน ไปมั่วสุมกับเครือข่ายยาไอซ์แวดวงคนมีชื่อเสียง รายงานข่าวสืบสวนเชิงลึกชี้ “เอ็กซ์” มีเงินในบัญชีแค่แสนกว่าบาท ไม่ได้มีหลายสิบล้านตามที่ปรากฏเป็นข่าว พร้อมพบชนวนสำคัญสมคบแก๊งเซียนพระปลอม “อ๊อดขาว” นำพระปลอมมาหลอกขายคนเล่นพระหลายครั้ง มีการทวงถามเงินคืนกันหลายครั้ง แต่ผู้ตายยืนยันไม่คืน จึงถือเป็นหลักฐานสำคัญที่มีน้ำหนักสุดในประเด็นการเสียชีวิตมากกว่าประเด็นอื่นๆ ส่วนพ่อ-แม่ เข้าให้ปากคำตำรวจ ด้าน “แจ๊ด” อัดฉีดรางวัลนำจับคนร้าย 2 แสนบาท
ความคืบหน้าจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ คนร้ายขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์สีดำ ประกบยิงนายจักรกฤษณ์ หรือเอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 40 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ขณะขับรถยนต์ปอร์เช่สีดำ บริเวณปากซอยรามคำแหง 166 ถนนรามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. กระสุนทะลวงอก ซึ่งเอ็กซ์ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดเมื่อค่ำวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีนี้ วันนี้ (22 ต.ค.) มีรายงานข่าวในการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีภายหลังตรวจสอบพบว่านายจักรกฤษณ์ได้เดินทางไปพบกับนายไชยา สะสมทรัพย์ ส.ส.เพื่อไทย จ.นครปฐม ก่อนเสียชีวิตโดยนายไชยาออกมายอมรับว่าเป็นเรื่องจริงนั้น ล่าสุดทางตำรวจชุดสืบสวนฯ เปิดเผยว่านายจักรกฤษณ์ได้ไปหลบซ่อนตัวอยู่กับเซียนพระชื่อดัง ในจังหวัดนนทบุรีด้วย
โดยมีรายงานว่าเซียนพระชื่อดังคนดังกล่าว คือ นายพยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมพระเครื่องแห่งประเทศไทย หรือ ต้อย เมืองนนท์ เซียนพระชื่อดังอีกราย นอกจากนี้ยังพบว่าานายจักรกฤษณ์มีสถานะเป็นลูกบุญธรรมของ “พยัพ คำพันธุ์” ด้วย โดยตลอดเวลาที่พบเจอกับ “พยัพ คำพันธุ์” เอ็กซ์ จักรกฤษณ์ จะเรียกว่า “พ่อ” ทุกคำด้วย
นอกจากนี้ ในแนวทางสืบสวนเชิงลึกยังสืบทราบว่านายจักรกฤษณ์ภายหลังจากเดินทางกลับจากการหลบซ่อนตัวกับเซียนพระชื่อดังย่านจังหวัดนนทบุรีได้เดินทางกลับบ้านพักที่หมู่บ้านบัวขาวในวันศุกร์ที่ 18 ต.ค.จากนั้นได้ออกไปยุ่งเกี่ยวกับเครือข่ายยาไอซ์แวดวงคนชื่อดังก่อนมาพบจุดจบในช่วงเวลา 19.00 น.วันที่ 19 ต.ค.ด้วย
อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังพุ่งประเด็นไปที่ความขัดแย้งในวงการพระเครื่อง และยาเสพติดเป็นหลัก ล่าสุดพบชนวนสาเหตุสำคัญหลังจากสืบสวนพบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความขัดแย้งในวงการพระเครื่องเพิ่มเติม หลังตรวจสอบพบผู้ตายมีการติดต่อ ซื้อขาย-เช่าพระ กับขบวนการทำพระปลอม ที่มีหัวหน้าแก๊งเป็นที่รู้จักกันดีในวงการพระเครื่อง ฉายาว่า “เซียนอ๊อดขาว” ซึ่งมีแหล่งผลิตพระปลอมอยู่ในจังหวัดนครปฐม เป็นที่ล่ำลือในวงการพระเครื่องถึงฝีไม้ลายมือที่สามารถปลอมแปลงพระเครื่องที่เป็นที่นิยมในตลาดพระเครื่องได้อย่างแนบเนียนระดับมือพระกาฬ
ทั้งนี้ จากข้อมูลดังกล่าวตำรวจจึงให้ประเด็นเรื่องความขัดแย้งในวงการพระเครื่องมากกว่าประเด็นอื่นๆ เพราะพบผู้ตายมีการติดต่อซื้อขายพระจากอ๊อดขาว ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าผู้ตายมีการนำพระเครื่องปลอมมาขายต่อในตลาดพระเครื่องให้กับผู้นิยมพระเครื่องระดับสูงหลายครั้ง ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนพบว่ามีการทวงถามขอเงินคืนจากผู้ตาย แต่ผู้ตายปฏิเสธที่จะคืนเงินให้ จึงเป็นประเด็นสำคัญที่มีน้ำหนักมากที่สุดในการสร้างความไม่พอใจ จนนำมาซึ่งการสั่งเก็บนายจักรกฤษณ์ทิ้งเพื่อเป็นการล้างแค้น
อีกทั้งยังตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ของผู้ตาย พบหมายเลขโทรศัพท์ที่โทร.เข้ามาหานายจักรกฤษณ์ ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นเบอร์โทร.ของดารานักแสดงชื่อดัง “โด่ง สิทธิพร นิยม” ด้วย โดยดาราคนดังกล่าวออกมายอมรับว่าได้โทรศัพท์หาเอ็กซ์จริงในเวลาประมาณ 18.00 น.วันที่ 19 ต.ค.จริง ซึ่งล่าสุดตำรวจได้เชิญมาสอบปากคำแล้ว เนื่องจากตรวจสอบบัญชีของผู้ตายพบมีการโอนเงินไปเข้าบัญชี “โด่ง สิทธิพร” เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท โดยโด่งระบุว่าเอ็กซ์โอนเงินมาใช้หนี้ที่ยืมไปก่อนหน้านี้จำนวน 50,000 บาท พร้อมยืนยันว่าไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตของนายจักรกฤษณ์แต่อย่างใด และไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นยาเสพติดแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดียังได้ตรวจสอบสถานะทางการเงินของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์ พบว่าไม่ได้มีทรัพย์สินอยู่ในบัญชีธนาคารหลายสิบล้านบาทตามที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ พบเงินสดอยู่ในบัญชีธนาคารประมาณ 1 แสนกว่าบาทเท่านั้น
อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ สน.มีนบุรี นายมานพ และนางบุญคิด พณิชย์ผาติกรรม บิดามารดานายจักรกฤษณ์ เดินทางมาพบ พ.ต.ท.ประดิษฐ์ ทะปะสิทธิ์จิตต์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.มีนบุรี เพื่อให้ปากคำกรณีการเสียชีวิตของลูกชายโดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง
นายมานพเปิดเผยภายหลังให้ปากคำกับตำรวจว่า สาเหตุการเสียชีวิตของลูกชายจะมาจากเรื่องความขัดแย้งในวงการพระเครื่องหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ ส่วนเรื่องความขัดแย้งในครอบครัวยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นตนได้ให้ข้อมูลตำรวจไปหมดแล้ว ซึ่งให้ไปถามกับตำรวจเอาเอง ส่วนกรณีที่ลูกชายเดินทางไปหาอ๊อด นครปฐม เซียนพระชื่อดังนั้นยอมรับว่าเป็นความจริงเพราะเขาสนิทสนมกัน
ต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น.ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น. กล่าวภายหลังการสอบปากคำนายสุนทร บุญญะทวีวัฒน์ หรือ “อ๊อดขาว นครปฐม” อายุ 43 ปี เซียนพระชื่อดัง ใน จ.นครปฐม ว่าได้เชิญเซียนพระรายนี้มาให้ข้อมูลเนื่องจากมีความสนิมสนมคุ้นเคยกับนายจักรกฤษณ์ ซึ่งเหตุผลที่เชิญ นายสุนทรมาเพราะต้องการทราบข้อมูลว่าช่วงที่นายจักรกฤษณ์ไปอยู่ที่ จ.นครปฐม ได้มีปัญหากับใครบ้างหรือไม่ รวมทั้งสอบถามว่านายจักรกฤษณ์เคยเล่าให้ฟังบ้างหรือไม่ว่าเคยมีปัญหากับใคร ทั้งนี้ ตำรวจเชื่อว่านายสุนทรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการเสียชีวิตของจักรกฤษณ์
พล.ต.ต.ประยนต์กล่าวว่า จากการสอบถาม ายสุนทร ระบุว่าประเด็นความขัดแย้งในวงการพระเครื่องไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาการเช่าพระราคาเป็นสิบล้านก็ไม่มีปัญหาอะไร พร้อมยืนยันว่านายจักรกฤษณ์ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายพระปลอมอย่างแน่นอน เพราะอย่างที่ทราบถ้าซื้อขายพระเครื่องที่มูลค่าเป็นล้าน จะต้องการนำพระไปให้เซียนพระหลายรายดูจนแน่ใจว่าเป็นพระแท้ คงไม่ได้ตกลงซื้อขายกัน หรือจ่ายเงินทันที อย่างไรก็ตามประเด็นเกี่ยวความขัดแย้งในวงการพระเครื่องตำรวจยังไม่ได้ตัดทิ้ง ต้องตรวจสอบให้ครบถ้วน เพราะอย่างที่ทราบมีบางช่วงที่นายจักรกฤษณ์มีการให้เช่าพระเครื่องด้วย ซึ่งตรงนี้ต้องดูทั้งหมด โดยจะตรวจสอบบัญชี รวมทั้งเส้นทางการเงินของนายจักรกฤษณ์อีกครั้งว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เมื่อรับเงินมาแล้วจ่ายไปให้ใคร รวมทั้งประเด็นความขัดแย้งในครอบครัวก็ต้องตามต่อ ตำรวจยังไม่ได้มีการตัดประเด็นนี้ทิ้งแต่อย่างใด
ผบก.สส.กล่าวด้วยว่า สำหรับความคืบหน้าทางคดีที่ผ่านมาได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลแล้วกว่า 10 ราย ขณะที่การตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุ และตามเส้นทางหลบหนีของคนร้าย ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนลงไปตรวจสอบเพิ่มเติมแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุนทรได้ให้ข้อมูลหรือไม่ว่านายจักรกฤษณ์หลบไปอยู่ที่ จ.นครปฐม เพราะสาเหตุอะไร พล.ต.ต.ประยนต์กล่าวว่า นายสุนทรบอกเพียงว่านายจักรกฤษณ์หลบไปพักผ่อน เพราะทั้งคู่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกัน ก่อนหน้านี้ที่นายจักรกฤษณ์ต้องติดคุก นายสุนทรก็เป็นผู้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวออกไป ส่วนที่นายจักรกฤษณ์กลับมา กทม.เพราะว่าคิดถึงลูก
ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงความคดีล่าสุดตนเองได้ตั้งรางวัลนำจับ หรือคนที่ชี้เบาะแสในคดีนี้ เพื่อจับกุมคนร้ายจำนวน 2 แสนบาท ซึ่งสามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่ตำรวจเจ้าของคดีได้ทันที
ส่วนปมสังหารนั้นจะยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง เพราะหากตำรวจไปมุ่งประเด็นใดประเด็นหนึ่ง ทั้งเรื่องขัดแย้งพระเครื่อง หรืออื่นๆ อาจหลงทางในคดีได้ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (23 ต.ค.) เวลา 10.00 น.จะเรียกประชุมทีมคลี่คลายคดีทั้งหมดมารายงานผล ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งปมสังหารและอื่นๆ
อีกด้าน พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยความคืบหน้าการส่งผลตรวจพิสูจน์ศพนายจักรกฤษณ์ว่า ทางสถาบันนิติเวชได้ทำการผ่าพิสูจน์ศพนายจักรกฤษณ์แล้ว แต่ยังไม่สามารถส่งผลตรวจพิสูจน์ดังกล่าวให้พนักงานสอบสวนรวบรวมในสำนวนได้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตรวจแอลกอฮอล์และสารเสพติดภายในร่างกายของนายจักรกฤษณ์ กอนจะส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป ซึ่งจะต้องใช้เวลาสักระยะในการดำเนินการ
ทั้งนี้ ในการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีคนร้ายลอบยิงนายจักรกฤษณ์ หรือเอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 40 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทยครั้งนี้ ได้มี พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.สส.น.3 เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสืบสวนข้อมูลเชิงลึกในการคลี่คลายคดีนี้ มีประวัติการสืบสสวนคดีคลายคดีสำคัญๆ มาอย่างโชกโชน ถือเป็นนายตำรวจฝีมือดี มีประสบการณ์ทำงานด้านการสืบสวนสอบสวนให้กับ พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 สมัยดำรงตำแหน่งรอง ผบช.น.ด้านสืบสวนสอบสวน และ พล.ต.ท.เขตต์ นิ่มสมบุญ อดีตผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และ พล.ต.ท.ธนู หอมหวล อดีต ผบช.ก.