รวบจับกังขนยาบ้าส่งอิสราเอล คาสุวรรณภูมิ

ปส.รวบแรงงานไทยคาสุวรรณภูมิ ขณะเตรียมขนยาบ้า กว่า 1.6 หมื่นบรรจุใส่ขวดโลชั่นบํารุงผิว เตรียมลักลอบนำออกไปขายให้แรงงานไทยในอิสราเอล ผู้ต้องหารับสารภาพรับค่าจ้างขน 5 แสนบาทและเพิ่งทำเป็นครั้งแรก

วันนี้ (29 ต.ค.) ที่ บช.ปส. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์ เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.ต.ศุภกิจ ศรีจันทรนนท์ รอง ผบช.ปส. แถลงผลการจับกุมขบวนการยาเสพติดรายสําคัญ 3 คดี

คดีที่ 1 พ.ต.อ.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผกก.บก.ปส.3 จับกุม นายสุชาติ ด้วงเม้า อายุ 31 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 16,320 เม็ด โดยซุกซ่อนในขวดโลชั่นบํารุงผิว ขวดครีมอาบนํ้า ขวดชมพูขนาด 600 มล.จํานวน 5 ขวด กระเป๋าเดินทาง และโทรศัพท์มือถือ โดยจับกุมได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 27 ตุลาคม 2556 ได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่าย และพยายามส่งออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจําหน่ายโดยไม่ ได้รับอนุญาต

พ.ต.อ.อดิศกล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากที่ผ่านมาได้รับการประสานจากสถานทูตอิสราเอล ขอความร่วมมือจับตากลุ่มแรงงานไทยที่ไปลักลอบขนยาเสพติด เข้าไปขายให้แรงงานไทยด้วยกันที่ประเทศอิสราเอล ทาง บช.ปส.จึงได้จับตาดูความเคลื่อนไหวมา จนกระทั่ง ทางสายบินอิสราเอลแจ้งว่าเครื่องเอกซเรย์พบวัตถุต้อง สงสัยซุกซ่อนในขวดยาสระผม โลชั่น ครีมอาบนํ้าใส่ในกระเป๋าเดินทางของผู้โดยสายที่จะเดินทางขึ้นเครื่องบินเที่ยวบินที่ LY82 เพื่อเดินทางไปประเทศอิสราเอล เมื่อตรวจสอบพบว่าข้างในเป็นยาบ้าจึงได้ทําการจับกุมพร้อมของกลาง ผู้ต้องหาใช้วิธีการเทครีมด้านในออก จากนั้นนํายาบ้าใส่ถุงพลาสติกยัดเข้าไปทางปากขาดแล้วเทครีมกลับเข้าไปในขวดเพื่อไม่ให้น่าสงสัย

จากการสอบสวนนายสุชาติรับสารภาพว่า ทํางานเก็บผลไม้ที่ประเทศอิสราเอลมาแล้ว 2 ปี ได้ค่าจ้างเดือนละประมาณ 30,000 บาท ระหว่างที่ทํางานที่นั่นได้รับการติดต่อจากนายศักดิ์ให้กลับมาขนยาบ้าในประเทศไทยเพื่อนําไปจําหน่ายให้แรงงานไทยในประเทศอิสราเอล โดยทําครั้งนี้เป็นครั้งแรก ได้รับค่าจ้าง 5 แสนบาท โดยทางผู้ว่าจ้างได้บอกวิธีการขนยาให้ โดยไปรับยาเสพติดมาจากจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อไปจําหน่ายให้แรงงานไทยในประเทศอิสราเอล ตกเป็นเงินไทยราคาเม็ดละ 1,800 บาท

พล.ต.ต.ศุภกิจกล่าวว่า ที่ผ่านมาทางสถานทูตอิสราเอลได้มาพบกับทาง บช.ปส.เพื่อให้ดําเนินการในเรื่องนี้ เพราะเกรงว่ายาเสพติดจะแพร่เข้าไปยังประชาชนในประเทศด้วย ทางการอิสราเอลเองก็พยายามตรวจสอบร่องรอยเส้นทางทางการเงินย้อนกลับมาพบว่ามีร่องรอยเงินหมุนเวียนประมาณ 48 ล้านบาท หลังจากนี้จะได้ประสานกับทางการอิสราเอลเพื่อหาตัวขบวนการเหล่านี้ที่ยังอยู่ในประเทศอิสราเอลมาดําเนินคดี

“เรื่องนี้จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย และจะกระทบต่อการส่งแรงงานไทยไปทํางานในประเทศอิสราเอลในอนาคต ซึ่งเราต้องเร่งสกัดกั้นโดยเร็ว” พล.ต.ต.ศุภกิจกล่าว

คดีที่ 2 พ.ต.อ.ทนงศักดิ์ ทั่งทอง รรท.ผบก.ปส.1 พร้อมกําลังจับกุมนายชีชชัย หรือชัย เฉยชะโอ อายุ 33 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์ 994 กรัม โดยจับกุมได้ที่ลานวงเวียนด้านหลังห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล บางนา แขวงและเขตบางนา กทม. เมื่อวันที่28 ตุลาคม 2556 เวลา 15.00 น.

คดีนี้เจ้าหน้าที่ตํารวจได้รับแจ้งจากผู้ต้องขังในทัณฑสถานบําบัดพิเศษกลางผ่านสายลับว่าได้ติดต่อล่อซื้อยาไอซ์จํานวน 1 กก.จากนางส้ม ในราคา 1,200,000 บาท โดยให้โอนเงินผ่านบัญชีนางส้มแล้วให้นายชัชมาส่งของที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลบางนา เมื่อถึงเวลานัดหมายนายชัชได้ขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีบรอนซ์เงิน มาส่งของให้สายลับ เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้เข้าจับกุมตัวพร้อมของกลาง แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่ายและจําหน่ายโดยผิดกฎหมาย

คดีที่ 3 ต่อเนื่องกันสายลับได้ล่อซื้อยาบ้าจากนางส้มจํานวน 10,000 เม็ดในราคา 700,000 บาทนางส้มได้ให้นายหนูมาส่งของที่ลานวงเวียนด้านหลังห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลบางนา เมื่อถึงเวลานัดหมายนายหนูได้ขี่จักรยานยนต์มาส่งให้สายลับ แต่สามารถขี่จักรยานยนต์หลบหนีไปได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตํารวจจะเร่งดําเนินการจับกุมตัวต่อไป