ชาวเชียงใหม่-ลำพูนเหยื่อแชร์ล็อตเตอรี่แห่ร้องDSI เอาผิดนายกสมาคมพัฒนาผู้พิการจังหวัดลำพูนฉ้อโกงกว่า1,440ล้านบาท
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 ต.ค.นายยอดชาย ชโลปถัมภ์ อายุ 61 ปี ผู้รับมอบอำนาจจากกลุ่มผู้เสียหายจากการถูกหลอกลวงให้เล่นแชร์สลากกินแบ่งรัฐบาลในพื้นที่ จ.ลำพูน และ จ.เชียงใหม่ จำนวน 164 คน เข้าพบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ และ ร.อ.กลวัตร บุนนาค ผอ.ประจำสำนักปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดีเอสไอทำการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับนายกสมาคมพัฒนาคนพิการจังหวัดลำพูน อ้างถูกชักชวนให้นำเงินมาลงทุนในแชร์ล็อตเตอร์รี่ เพื่อแลกกับผลตอบแทนในอัตราสูงแต่ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามสัญญา มีผู้เสียหายประมาณ 1,000 ราย มูลค่าความเสียหาย 1,440 ล้านบาท เบื้องต้นดีเอสไอรับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายยอดชาย ชโลปถัมภ์ ตัวแทนผู้เสียหายแชร์ล็อตเตอร์รี่ กล่าวว่า ผู้ที่หลอกลวงนั้นได้ใช้สถานภาพของเขาที่เป็นผู้พิการโดยมีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมพัฒนาคนพิการ จ.หวัดลำพูน ซึ่งได้แพร่ข่าวด้วยวาจาและปกปิดข้อเท็จจริงแก่ต่างๆ ที่ควรเปิดเผยให้ทราบโดยบอกว่ามีโคว้ต้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ชักจูงหลอกลวงผู้เสียหายให้เข้าลงทุนซื้อหุ้นสลากรัฐบาล โดยมีข้อกำหนดว่า สมาชิกต้องนำเงินมาลงทุนซื้อหุ้นล็อตเตอร์รี่ จำนวน 5 เล่ม ราคา 38,000บาท ต่อ 1 หุ้น เพื่อแลกกับเงินปันผลหุ้นละ 1,000 บาท ต่องวด โดยทุกเดือนจะมีการจ่ายเงินปันผล 2 งวด งวดละ 1,000 บาท ในวันออกสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือคิดเป็น 5.2 เปอร์เซ็นต่อเดือน ซึ่งตั้งแต่สมาชิกได้นำเงินลงทุนซื้อหุ้นล็อตเตอร์รี่ได้ผลตอบแทนมาโดยตลอด กระทั่งเมื่องวดวันที่ 1และ 16 ของเดือน ก.ย.และ ต.ค.56 ปรากฎว่าไม่มีการจ่ายเงินปันผลให้กับสมาชิกแต่อย่างใดจนถึงปัจจุบัน
ตัวแทนผู้เสียหายแชร์ล็อตเตอร์รี่ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากลุ่มสมาชิกได้ขอเข้าพบนายกสมาคมพัฒนาคนพิการจังหวัดลำพูนที่บ้านพัก ใน อ.เมืองลำพูน เพื่อขอทราบหรือทวงถามถึงสาเหตุที่ไม่มีการจ่ายเงินปันผล แต่กลับอ้างว่าตอนนี้มีสมาชิกถอนหุ้นบ้าง กำลังหาโควตาสลากเพิ่มบ้าง หรือกำลังกู้เงินเพื่อมาสำรองจ่าย เมื่อสมาชิกจะขอถอนเงินลงทุนก็บอกว่าไม่มี สมาชิกจึงรวมตัวเข้าร้องทุกข์ต่อดีเอสไอให้ดำเนินคดีฉ้อโกงประชาชนกับนายกสมาคมพัฒนาคนพิการจังหวัดลำพูน เพื่อแจ้งประชาสัมพันธ์ป้องกันความเสียหายเพิ่มเพราะทราบว่ามีการขยายการชักชวนการลงทุนไปในจังหวัดใกล้เคียง พร้อมให้ติดตามเงินคืนผู้เสียหายเพราะผู้เสียหายหลายคนเดือดร้อนมากเนื่องจากได้นำทรัพย์สินไปจำนอง หรือกู้เงินจากธนาคาร บางรายเป็นข้าราชการเกรีษณได้นำเงินบำเหน็จก้อนสุดท้ายในชีวิตมาลงทุน โดยผู้เสียหายที่ลงทุนซื้อหุ้นสลากวงเงินสูงสุดถึง 25 ล้านบาทรองลงมา 18 ล้าน ต่ำสุดลงทุน 380,000 บาท
ด้านผู้เสียหายรายหนึ่ง(ขอปกปิดนาม) เป็นอดีตผู้ช่วยปฏิบัติงานศูนย์ กกท.กล่าวว่า ตนได้รู้จักกับ นายกสมาคมพัฒนาคนพิการจังหวัดลำพูน ค่อนข้างที่จะสนิท เนื่องจากเคยนำนักกีฬาผู้พิการไปแข่งขันกีฬา และเคยชักชวนตนซื้อหุ้นสลากกินแบ่งรัฐบาลเมื่อปี 2543 ซึ่งตนใช้เวลาในการตัดสินใจที่จะลงทุนซื้อหุ้นสลากกินแบ่งรัฐบาลนานถึง 5-6 ปี เพราะตอนนั้นยังไม่มีเงินทุนและกลัวถูกหลอก ต่อมาเมื่อปี 2552 ตนว่างงานจึงได้ตัดสินใจขายรถยนต์นำเงินไปลงทุนซื้อหุ้นสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน 76,000บาท ได้ 2 หุ้น โดยได้เงินปันผลงวดละ 2,000บาท รวมเดือนละ 4,000บาท เพราะเห็นว่ามีการจ่ายเงินปันผลจริงต่อเนื่อง ตั้งแต่ที่เริ่มลงทุนตนได้รับเงินปันผลทุกงวดไม่เคยขาดโดยมีการโอนเงินปันผลเข้าบัญชีธนาคาร ตนจึงลงทุนเพิ่ม 3.6 ล้านบาท ส่วนภรรยาลงทุน 7 ล้านบาท น้องสาว 1 ล้านบาท โดยครอบครัวตนรวมลงทุนไป กว่า 11 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเงินกู้รวมทั้งได้นำบ้านที่อาศัยปัจจุบันไปจำนองนำเงินมาลงทุน ที่ผ่านมามีบางครั้งที่โอนเงินไม่ครบตนจึงเดินทางเข้าพบนายกสมาคมพัฒนาคนพิการจังหวัดลำพูน ที่บ้านเพื่อขอรับเป็นเงินสด หลังจากนั้นตนเริ่มเห็นถึงผลตอบแทนที่มีอัตรามากขึ้นตน จึงไปกู้เงินเพื่อมาลงทุนเพิ่มด้วยความที่อยากได้ผลตอบแทนเยอะ หรือเก็บเงินปันผลได้ 5 งวด ก็นำไปลงทุนเพิ่มเรื่อยๆ และเชื่อว่าผู้เสียหายส่วนใหญ่ที่ลงทุนซื้อหุ้นสลากกินแบ่งรัฐบาลจะคล้ายกับตนคืออยากได้เงินปันผลเยอะๆ เมื่อได้รับเงินปันผลจะนำไปลงทุนเพิ่มโดยไม่มีการเก็บเงินไว้กับตัวเองเลย
ด้าน ร.อ.กลวัตร บุนนาค ผอ.ประจำสำนักปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะสืบสวนรวบรวมข้อเท็จจริงต่อไป หลังที่อธิบดีดีเอสไอได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ ในเบื้องต้นดีเอสไอได้สอบปากคำผู้เสียหายบางราย ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นไปในลักษณะของแชร์ลูกโซ่ โดยสมาชิกบางคนได้รับเงินกลับคืนไปบ้างแล้วแต่คืนไปในรูปของเงินปันผล ทั้งนี้ถ้าผู้ที่ถือหุ้นบางรายที่เป็นข้าราชการผู้ใหญ่ มียศมีตำแหน่งเป็นนายตำรวจ นายทหารยศใหญ่ๆ ทางกลุ่มนี้ยังมีการจ่ายเงินให้อยู่โดยไม่มีการหยุดจ่ายเงินปันผล ส่วนชาวบ้านได้มีการหยุดจ่ายไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอจะรีบดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเพื่อพิจารณาเสนอเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากกลัวว่าจะมีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน
ผอ.ประจำสำนักปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ กล่าวว่า สำหรับการลงทุนซื้อหุ้นสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นผู้ถูกกล่าวหาอ้างกับผู้เสียหายว่าเปิดมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2534 ซึ่งตนคิดว่าคงเป็นเครือข่ายที่ใหญ่มีลักษณะเหมือนงูกินหาง โดยการลงทุนดังกล่าวนั้นทุกๆ 17 เดือน จะมีการคืนทุน ซึ่งทางผู้ลงทุนเองคงมองว่าอัตราค่าตอบแทนสูงกว่าฝากธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ยจึงไปลงทุนซื้อสลากดังกล่าว ทั้งนี้จากการสอบปากคำผู้เสียหายในเบื้องต้นทราบว่า กลุ่มผู้ถูกกล่าวหาได้บอกกับทางกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นชาวบ้านธรรมดาที่ไม่ใช่ข้าราชการผู้ใหญ่ว่า ถ้าต้องการเงินคืนก็ให้ไปหารายใหม่มาซื้อสลากแล้วจะจ่ายเงินคืนให้