xs
xsm
sm
md
lg

ศาลฎีกายกฟ้อง ปธ.เครือข่ายผู้เสียหายทางแพทย์ ไม่ผิดหมิ่น รพ.พญาไท‏

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นางปรียนันท์ หรือดลพร ล้อเสริมวัฒนา กับ นายพิทักษ์พงค์ ล้อเสริมวัฒนา สองแม่ลูกที่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก รพ.พญาไท จากการทำคลอด(แฟ้มภาพ)
ศาลฎีกา ยกฟ้อง รพ.พญาไท 1 เรียก 100 ล้าน “ปรียนันท์” ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ สัมภาษณ์หมิ่นการทำคลอดบุตรพิการขาสั้นยาวไม่เท่ากัน ชี้ ติชมด้วยความเป็นธรรม

ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (8 ต.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่บริษัท โรงพยาบาลพญาไท 1 จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางปรียนันท์ หรือ ดลพร ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ เป็นจำเลย เรื่องละเมิดจากการหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีที่เมื่อวันที่จำเลยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเมืองไทยรายวัน ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ถึงการทำคลอดของโรงพยาบาล ที่ส่งผลให้ น้องเซนต์ บุตรชาย ออกมาต้องกลายเป็นคนพิการขาสั้นยาวไม่เท่ากัน

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลย เป็นการกล่าวไปตามความเข้าใจเพื่อความชอบธรรม และปกป้องสิทธิตามคลองธรรม จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโรงพยาบาลพญาไท 1 ต่อมาโจทก์ได้ยื่นฎีกาและศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้วมีคำพิพากษายืนให้ยกฟ้องตามศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น

นางปรียนันท์ ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวภายหลังฟังคำพิพากษาว่า ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ตนชนะคดี โดยเห็นว่าเรื่องที่ตนพูดในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ และที่มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม เป็นข้อความที่ไม่ได้ฝ่าฝืนต่อความเป็นจริง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 ซึ่งเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม ป้องกันส่วนได้เสียของตนตามทำนองคลองธรรม การกระทำของตนจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ พิพากษายกฟ้อง โดยการวินิจฉัยของศาลยังฟังได้อีกว่า การรักษาไม่เป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาชีพ เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษามาในวันนี้แล้วถือว่าคดีถึงที่สุดทุกอย่างจบแล้วหลังจากต่อสู้คดีมานาน

ส่วนคดีที่ตนยื่นฟ้องบริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการ รพ.พญาไท 1, พญ.ยรรยงค์ มังคละวิรัช และ นพ.สันติ สุทธิพินทะวงศ์ เป็นจำเลยที่ 1-3 คดีผู้บริโภค หมายเลขดำ ผบ.1821/2552 ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 เรียกค่าเสียหาย 57 ล้านบาท จากกรณีที่บุตรชายต้องเกิดความผิดปกติทางร่างกาย หลังจากทำคลอดออกมา กระทั่งอายุ 18 ปี (ปี 2552) เกิดความเสียหายใหม่ กระดูกสันหลังเคลื่อน โพรงไขสันหลังตีบแคบ และหมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา 28 ก.ค.2552 เห็นว่าฟ้องซ้ำและคดีขาดอายุความ ต่อมาตนยื่นอุทธรณ์ ศาลก็มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 18 ก.ค.2554 เห็นว่าคดีขาดอายุความ โดยตนก็ยังรอลุ้นคำพิพากษาศาลฎีกาว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะขณะนี้บุตรก็ต้องรอรับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก ซึ่งมีการค่าใช้จ่ายสูง ไม่สามารถใช้สิทธิบัตรรักษา 30 บาทได้
กำลังโหลดความคิดเห็น