ASTVผู้จัดการออนไลน์ - รอง ผบช.น.แถลง 16 แผนการพัฒนาและแก้ปัญหาระบบการจราจรใน กทม.ปี 57 ชงรถเก่าอายุเกิน 7-10 ปี ห้ามนำมาวิ่งใน กทม.แก้ปัญหารถติดเหมือนญี่ปุ่น ชี้ต่อไปจะนำมาใช้ต้องจ่ายภาษีเทียบเท่ารถใหม่ ดันตั้งศาลจราจรเปรียบเทียบปรับทางอิเล็กทรอนิกส์ลดปัญหาหัวปิงปองรีดไถข้างถนน ด้วยการเพิ่มกล้องวงจรปิดตามแยกใหญ่ทั่วกรุงกว่า 500 ตัว พร้อมสั่งยกเลิกการล็อกล้อรถจอดในที่ห้ามจอด แต่ให้รถยกไปเก็บที่ สน.ในชั่วโมงเร่งด่วน ผู้กระทำผิดจ่ายค่าปรับ-ค่ารถยก-ค่าดูแลรถวันละ 200 บาท
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.ดูแลงานด้านการจราจร แถลงถึงแผนการพัฒนาและแก้ปัญหาระบบจราจรในกรุงเทพมหานคร ปีงบประมาณ 2557 ตอนหนึ่งว่า บช.น.วางยุทธศาสตร์แก้ปัญหาการจราจรอย่างมีประสิทธิภาพและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ขับเคลื่อนผ่าน 16 โครงการเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ ได้แก่
1.โครงการถวายความปลอดภัยและการดำเนินการตามโครงการพระราชดำริ 2. โครงการหมอจราจร 3.โครงการสัมมนาแก้ไขปัญหารถติด 4.โครงการแก้ไขปัญหาจราจรในถนนสายหลัก 5.โครงการแก้ไขปัญหาจราจรกรณีน้ำท่วมขังและอุทกภัย 6.โครงการบังคับใช้กฎหมายโดยการเคลื่อนย้ายรถที่จอดผิดกฎหมายออกจากผิวจราจร 7.โครงการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายจราจร และการออกระเบียบเปรียบเทียบปรับอิเล็กทรอนิกส์ 8.โครงการจัดตั้งศาลจราจร 9.โครงการปรับปรุงกายภาพและพัฒนาเทคโนโลยีศูนย์ควบคุมและการสั่งการจราจร 10.โครงการลดอุบัติเหตุ 11.โครงการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการจราจร 12.โครงการประชาสัมพันธ์งานจราจร 13.โครงการจัดระบบการบริหารสั่งงานจราจรและลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาล 14.โครงการผู้พิทักษ์ถนน 15.โครงการสร้างความมีส่วนร่วมของประชาชนในงานจราจร และ 16.โครงการเหลื่อมเวลาการทำงานและสถานศึกษา
โดยมีโครงการสำคัญๆ หลายโครงการด้วยกัน อาทิ โครงการถวายความปลอดภัยและการดำเนินการตามโครงการพระราชดำริ โครงการหมอจราจรโครงการบังคับใช้กฎหมายสำหรับรถจอดผิดกฎ ซึ่งต่อไปจะไม่ล็อกล้อแต่จะยกรถไปที่ สน.แทน โดยผู้ทำผิดต้องเสียค่าปรับและชำระค่ายกรถเป็นการบังคับโดยเด็ดขาด โครงการผู้พิทักษ์ถนน ซึ่งจัดระบบอาสาสมัครชุดตำรวจประจำถนน ติดตามการกระทำผิดจราจรในพื้นที่ สน.88 สน.ป้องปรามคนทำผิดกฎหมาย โครงการระดมแก้ปัญหาจราจรในถนนสายหลัก 10 สายที่มีปัญหารถติด โครงการจัดการปัญหาน้ำท่วงขัง โดยแต่ละ สน.จะมีชุดแก้ไขน้ำท่วม 1 ชุด
โครงการเมาไม่ขับภาค 2 เน้นปฏิบัติเชิงรุก โดยออกไปตรวจ หน้าสถานบันเทิง ถ้ามีระดับแอลกอฮอล์เกินมาตรฐานจะไม่ให้ขับขี่รถ แต่จัดหารถสาธารณะให้กลับบ้าน เพื่อลดอุบัติเหตุ โครงการบังคับใช้กฎหมาย โดยเทคโนโลยีวงจรปิดและเปรียบเทียบปรับทางอิเล็กทรอนิกส์ โครงการจัดตั้งศาลจราจรใน กทม.เพื่อให้สามารถบังคับใช้กฎหมายจราจรได้อย่างเป็นระบบ สอดรับกับโครงการเร่งด่วนทั้งหมด โครงการปรับปรุงพัฒนาศูนย์ควบคุมสั่งการ บก.02 โครงการเหลื่อมเวลาทำงานภาครัฐ-เอกชน โครงการป้องกันรถติดและอุบัติเหตุช่วงเทศกาล โครงการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบรองรับการปรับอิเล็กทรอนิค เพื่อรองรับศาลจราจร
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปรายละเอียดในแต่ละโครงการเสนอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป อย่างเรื่องของการจอดรถในที่ห้ามจอด การใช้ข้อกฎหมายเดิมคือ ความผิด พ.ร.บ.จราจรมาตรา 57 และ 59 ห้ามจอดในที่ห้าม ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท รวมทั้งเสียค่าเคลื่อนย้าย 500 บาท และค่าดูแลอีกวันละ 200 บาท จะเปลี่ยนวิธีการจากบังคับล้อเป็นการใช้รถยก และจะบังคับใช้เฉพาะชั่วโมงเร่งด่วนเท่านั้น จากนี้จะหารือกับกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย คาดว่าบังคับใช้ได้ต้นเดือนพฤศจิกายน นอกจากนี้ ยังเตรียมเสนอโครงการจำกัดอายุการใช้งานรถยนต์ต่อรัฐบาล อาทิ รถอายุเกิน 7-10 ปี ห้ามนำเข้ามาวิ่งในเขต กทม.หากนำเข้ามาวิ่งต้องเสียภาษีเทียบเท่ารถใหม่ เป็นโครงการที่ได้แนวคิดมาจากประเทศญี่ปุ่น
ส่วนการแก้ปัญหาตำรวจจราจรรับส่วยรีดไถเงินจากผู้ขับขี่ที่กระทำผิด พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า จากนี้ไปจะไม่มีอีก เนื่องจากจะนำระบบเทคโนโลยีตรวจจับการกระทำผิดด้วยอิเล็กทรอนิกส์ กล้องวงจรปิด ซีซีทีวี ซึ่งวันเดียวกันนี้ ได้ติดตั้งเพิ่มอีก 500 ตัว ตามทางแยกสำคัญ รวมถึงการนำระบบการเสียค่าปรับทางอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาใช้ นอกจากตรวจสอบข้อมูลได้ถูกต้องชัดเจน ยังแก้ปัญหาฉ้อโกงได้ดี ที่ผ่านมารายงานผลการออกใบสั่งแต่ละเดือนพบมีผู้กระทำความผิดมา เสียค่าปรับจากใบสั่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเขียนออกไปเพียง 25% ส่วนอีก 75% ไม่ทราบว่าหายไปไหน ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีมาตรการดำเนินการจริงจัง หรือจากกระบวนการคอร์รัปชัน ต่อไปถ้าได้ใบสั่งต้องมาเสียค่าปรับภายใน 7 วัน สามารถชำระในอัตราปกติ ผ่านธนาคารและร้านสะดวกซื้อ แต่ถ้าเกินกำหนด 7 วัน ต้องขึ้นศาลจราจรและเสียค่าปรับอัตราแพงขึ้นและมีโทษจำคุกด้วยในข้อหาฉกรรจ์ หรืออาจมีโทษให้บำเพ็ญประโยชน์สาธารณะ เช่น กวาดถนน ทาสีช่องจราจร หรือทำประโยชน์สาธารณะในรูปแบบต่างๆ ในชุมชนที่มีคนพลุกพล่านเพื่อให้เกิดความอับอายจะได้เข็ดหลาบ
