“แจ๊ด” เข้มห้ามหัวปิงปอง ซุ่มจับ-รีดไถ ทำยอดส่วนแบ่ง

“คำรณวิทย์” กำชับ ตร.จราจรทั้ง 88 สน.ในสังกัดให้เน้นงานด้านบริการประชาชน ห้ามตั้งด่านรีดไถ-ซุ่มจับ อย่าหวังทำยอดเพื่อรับส่วนแบ่งค่าปรับ เพราะจะทำให้ ปชช.เดือดร้อน


วันนี้ (7 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ประชุมมอบนโยบายการทำงานด้านการจราจรตามแผนพัฒนาจราจร กทม.ให้กับนายตำรวจระดับ รอง ผบช.น.ลงไปจนถึงสารวัตรจราจร 88 สน.และกองบังคับการตำรวจจราจร ภายหลังแต่งตั้ง พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ และรอง ผบช.น.อีก 3 นาย กำกับดูแลงานด้านการจราจรในพื้นที่ กทม.แทนรอง ผบช.น.เดิมที่เกษียณอายุราชการและโยกย้ายขึ้นไปรับตำแหน่งใหม่โดยมีนายตำรวจจราจรระดับผู้บังคับบัญชาโรงพักในสังกัดกว่า 250 นายเข้าร่วมรับฟังนโยบายสั่งการอย่างพร้อมเพรียง

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า งานด้านการจราจรนั้นเป็นงานบริการประชาชนทุกคนต้องร่วมมือกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดให้ประชาชนได้รับผลกระทบในการเดินทางน้อยที่สุดจะต้องดูแลเอาใจใส่ในหน้าที่อย่างเต็มที่ และอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนไม่ใช่จ้องแต่จะจับเขาอย่างเดียวคิดเสียว่าผู้ขับขี่เป็นโจรจะต้องจับกุมโดยไปซุ่มอยู่ตามหน้าด่านเก็บค่าทางด่วนไปดักตีหัวเรียกเงินชาวบ้านเขาแบบนี้ไม่ได้ไม่ถูกต้องอย่าให้มีการร้องเรียนเข้ามาอีกรวมถึงเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์รับส่วยรับเงินต่างๆ แทนค่าปรับด้วยที่ผ่านมามีการร้องเรียนตำรวจจราจรเข้ามามากเมื่อพบมีการกระทำผิดควรที่จะตักเตือนก่อนอย่าไปจ้องจับอย่างเดียวและอย่าหวังทำยอดเงินส่วนแบ่งค่าปรับอยากให้มองว่างานจราจรเป็นงานบริการมากกว่าอย่างอื่น



ผบช.น.กล่าวต่อว่า เรื่องการตั้งด่านกลางคืนก็เช่นเดียวกันบางคนเขาเพิ่งเลิกงานมาต้องการรีบกลับบ้านไปพักผ่อนก็มาตั้งด่านตรวจจับทำให้เสียเวลาบางทีถนนโล่งมาตลอดสายมาเจอด่านตรวจทำรถติดยาวเป็นกิโลก็มีตรงนี้ขอให้คำนึงผลกระทบผู้ใช้รถใช้ถนนด้วย ปัญหาการจราจรเป็นงานใหญ่ที่ต้องวางมาตรการเป็นรูปธรรมและทำงานร่วมกันไม่ใช่ต่างคนต่างทำอยากให้หัวหน้าโรงพักช่วยกันย้ำผู้ใต้บังคับบัญชาว่าอย่าไปจ้องจับกุมอย่างเดียวให้ดูในเรื่องของปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติดด้วยและต้องเป็นคนช่างสังเกตยืนโบกรถอยู่เห็นนักเรียนจับกลุ่มกันผิดสังเกตเตรียมยกไปตีกันก็ต้องรีบแจ้งสายตรวจเข้าไปตรวจสอบรวมถึงการตรวจตราดูแลความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินพี่น้องประชาชนเรื่องมิจฉาชีพก่อดคีฉกชิงวิ่งราวต่างๆ และการสกัดจับคนร้ายซึ่งที่ผ่านมาด่านจราจรก็มีผลงานจับกุมอาวุธปืนและยาเสพติดได้อย่างต่อเนื่องถือว่าดีแล้วและควรทำต่อไป



“ภาพรวมงานจราจรจะต้องไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนเน้นงานบริการเป็นหลักการพูดจาต้องสุภาพเรียบร้อยสร้างความพึงพอใจกับประชาชนและสนับสนุนงานด้านการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดควบคู่กัน ส่วนนโยบายการรถยกที่จอดในพื้นที่ห้ามจอดหรือจอดซ้อนคันนั้น ให้กวดขันจับกุมอย่างเฉียบขาดโดยเฉพาะรถตู้รถเมลล์ที่จอดกันเกะกะไม่เกรงใจใครในเมื่อเขาไม่เกรงใจเราเราก็อย่าไปเกรงใจต้องดำเนินคดีตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ส่วนกรณีรถยกนั้นสามารถทำได้กรณีที่มีขบวนเสด็จหรือจุดที่มีปัญหาซ้ำซากโดยให้พิจารณาอย่างรอบคอบว่ามีผลกระทบต่อการจราจรอย่างไรไม่ใช่อยู่ๆไปยกรถเลยอย่างนั้นไม่ได้” ผบช.น.กล่าวในตอนท้าย



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการมอบนโยบายเน้นย้ำการทำงานจราจรในห้องประชุมนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้ต่อว่าการทำงานของตำรวจจราจร สน.ทุ่งสองห้อง อย่างรุนแรงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวกรณีป้ายบอกทางเข้าศูนย์ราชการถนนแจ้งวัฒนะที่ติดตั้งอยู่บนทางเท้าเป็นป้ายบอกทางที่ทำให้เกิดปัญหารถติดบนพื้นราบช่วงทางแยกสัญญาณไฟคนที่จะไปศูนย์ราชการแทนที่จะขึ้นสะพานข้ามแยกไปก่อนพอลงสะพานถึงจะเบี่ยงเข้าช่องซ้ายและเลี้ยวเข้า แต่ป้ายบอกทางดังกล่าวติดตั้งก่อนถึงศูนย์ราชการกว่า 500 เมตร แทนที่รถจะวิ่งขึ้นสะพานกลับเบี่ยงออกซ้ายเพราะกลัวจะเลยทางเข้าโดยสอบถาม ผกก.สน.ทุ่งสองห้องและ สารวัตรจราจรที่ยืนขึ้นในห้องประชุมว่า “มึงเห็นป้ายนั้นหรือเปล่ากูเห็นมานานเป็นปีแล้วมันเป็นป้ายที่ทำให้รถติดทำไมไม่เอาออกขึ้นให้รถขึ้นสะพานไปก่อนพอลงก็เข้าซ้ายถึงพอดีมึงไปติดป้ายหลอกเขาทำไม แทนที่เขาจะขึ้นสะพานก็เบี่ยงมา 2 ช่องซ้ายทำให้รถติดสะสมเข้าไปอีกปัญหาแบบนี้ทำไมไม่ช่วยกันแก้ไข”