xs
xsm
sm
md
lg

ศาลยกฟ้อง คดีพี่แจ้งจับน้องชายหมิ่นเบื้องสูง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลให้ยกฟ้องคดีพี่แจ้งจับน้องชายหมิ่นเบื้องสูง ม.112 ชี้ผลตรวจพิสูจน์ตัวอักษรยังมีข้อสงสัย ขณะที่คำเบิกความโจทก์ยังมีข้อพิรุธ อีกทั้งเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน

ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (13 ก.ย.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นเบื้องสูง ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายยุทธภูมิ หรือ โอเล่ มาตรนอก อายุประมาณ 35 ปี อาชีพผลิตและจำหน่ายน้ำยาล้างรถ ขัดเบาะ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

คดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2555 สรุปว่าเมื่อเดือน ส.ค.2552 เวลากลางวัน จำเลยได้เขียนข้อความที่มีลักษณะจาบจ้วงดูหมิ่นลงบนแผ่นบันทึกภาพและเสียง และนำแผ่นบันทึกภาพเสียงถ้อยคำไปเผยแพร่ทำให้บุคคลทั่วไปที่พบเห็นเข้าใจผิดและเสื่อมศรัทธาในพระมหากษัตริย์ เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า นายธนะวัฒน์ พยานโจทก์พี่ชายของจำเลย เบิกความว่า ขณะเกิดเหตุได้คุยและโต้เถียงกับนายยุทธภูมิเรื่องการเมืองที่ต่างมีจุดยืนอยู่คนละขั้ว ระหว่างโต้เถียงกัน โทรทัศน์ได้ถ่ายทอดภาพข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายยุทธภูมิ ได้ใช้คำพูดแสดงความอาฆาตมาดร้าย จากนั้นเวลา 5 วัน นายยุทธภูมิ ใช้ปากกาเคมีเขียนถ้อยคำที่มีคำหยาบคาย บนแผ่นซีดีบันทึกภาพ “เนวินขอทักษิณ หยุดก้าวล่วงพระเจ้าอยู่หัว” จึงได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2553

ขณะที่มารดาและน้องสาวของนายยุทธภูมิ พยานฝ่ายจำเลย ได้เบิกความว่า จำเลยมีความจงรักภักดีและ ไม่เคยก้าวล่วงสถาบัน ซึ่งก่อนหน้านี้จำเลยเคยทะเลาะกับพี่ชายหลายครั้งในเรื่องของสัตว์เลี้ยงและธุรกิจ กระทั่งนายธนะวัฒน์ต้องแยกครอบครัวออกไปแล้วไปทำธุรกิจที่มีลักษณะเดียวกัน ต่อมาธุรกิจไม่ประสบความสำเร็จ พี่ชายจึงกลับมาอยู่ด้วยกันก่อนที่จะมีปัญหาทะเลาะกันอีก

ศาลเห็นว่า ทางนำสืบโจทก์กับจำเลย มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการรับฟัง ขณะเดียวกันคำเบิกความของโจทก์ก็มีความคลาดเคลื่อนในเรื่องเวลาที่อ้างว่าจำเลยกล่าวอาฆาตมาดร้ายต่อกษัตริย์ ซึ่งเป็นความคลาดเคลื่อนในสาระสำคัญ ทั้งที่โจทก์ให้การในชั้นสอบสวน และเบิกความในชั้นศาลในระยะเวลาที่ไม่นานมากนัก คำเบิกความของพยานโจทก์จึงยังมีข้อพิรุธสงสัย ส่วนผลการตรวจพิสูจน์ลายมือของจำเลย ถึงแม้โจทก์จะมีผู้เชี่ยวชาญมาเบิกความว่าข้อความที่เขียนบนซีดีนั้น เป็นลายมือของจำเลย แต่ศาลก็ต้องอาศัยหลักฐานอย่างอื่นประกอบด้วย ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ศาลไม่อาจรับฟังได้อย่างสนิทใจ ยังมีข้อสงสัยในเรื่องของตัวอักษรลายมือผู้เขียนว่าเป็นของจำเลยจริงหรือไม่ พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ จึงพิพากษายกฟ้องและให้ริบซีดีของกลาง

ทั้งนี้ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องแล้ว นายยุทธภูมิ จำเลย จะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น