ดีเอสไอส่งสำนวนคดีอดีตพระเณรคำพรากผู้เยาว์ 216 หน้าให้อัยการพิจารณาแล้ว เผยส่งหมายเรียกให้ “สุริ” น้องชายเณรคำมาตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอแล้ว 3 ครั้ง หัวหมออ้างไม่ได้รับหมาย ดีเอสไอลงพื้นที่ส่งหมายด้วยตนเองรับกับมือนัด 9 ก.ย.นี้ 10 โมงไม่มาโดนหมายจับ!
เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (6 ก.ย.) ที่ชั้น 11 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.ทศพร ณ หนองคาย พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการ สำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้นำสำนวนพยานหลักฐาน 216 หน้า พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายวิรพล สุขผล หรืออดีตพระเณรคำ อายุ 34 ปี รวม 4 ข้อหา พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร, พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่ออนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาหรือสามีของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และพาไปเพื่อการอนาจาร เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 279, 283 ทวิ วรรค 2 และ 317 ให้นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการคดีพิเศษ พิจารณาสั่งคดีซึ่งอัยการจะได้นัดฟังคำสั่งต่อไปว่าจะฟ้องผู้ต้องหาหรือไม่
พ.ต.ท.ทศพรกล่าวว่า ในวันนี้ทางดีเอสไอได้สรุปสำนวนส่งฟ้องนายวิรพล หรืออดีตพระเณรคำ จำนวน 4 ข้อหา จากการสอบปากคำพยานทั้งหมด 19 ปาก ซึ่งการส่งสำนวนให้อัยการสั่งคดี จะเป็นจุดเริ่มต้นของการติดตามตัวนายวิรพล หรืออดีตพระเณรคำที่อยู่ต่างประเทศ เพราะหากอัยการมีคำสั่งฟ้องแล้วก็จะมีความชัดเจนเรื่องข้อกล่าวหา ที่ต้องมีการติดตามตัวผู้ต้องหามายื่นฟ้องต่อศาล โดยการยื่นสำนวนครั้งนี้ดีเอสไอก็ได้ประสานให้อัยการดูเรื่องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไว้ด้วย ส่วนสำนวนคดีอื่นๆ นั้นทางดีเอสไออยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุปสำนวนและจะทยอยส่งมอบให้พนักงานอัยการต่อไป
ส่วนกรณีที่ดีเอสไอได้ออกหมายเรียกนายสุริ สุขผล น้องชายนายวิรพล หรืออดีตพระเณรคำ เพื่อเรียกมาสอบสวนและขอให้ตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางดีเอสไอได้ออกหมายเรียกไปแล้ว 3 ครั้ง แต่นายสุริอ้างว่าไม่ได้มีการรับหมายเรียกนั้น ตนจึงได้เดินทางลงพื้นที่ด้วยตนเอง และได้พบนายสุริ ซึ่งอยู่ที่บ้านพัก เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจึงได้ส่งหมายให้นายสุริด้วยตนเองแล้ว โดยนัดให้มาพบพนักงานสอบสวนวันที่ 9 ก.ย.นี้เวลา 10.00 น. หากนายสุริไม่มาตามหมายนัดก็จะมีความผิดฐานขัดขืนคำบังคับตามกฎหมายของเจ้าพนักงานและจะขอศาลออกหมายจับต่อไป