“ปวีณา” พร้อม ผบก.ปคม.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมสาวใหญ่เจ้าของร้านขายผักย่านมหาชัย ค้าแรงงานสาวลาว
วันนี้ (16 ส.ค.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) เมื่อเวลา 13.30 น.นางปวีณา หงสกุล รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พ.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.สิทธิชัย ลีลาสวัสดิ์ ผกก.5 บก.ปคม.ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม น.ส.วิรัช หรือ เจ๊รัตน์ ตุลยประวัติ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 923/59 ถนนเอกชัย ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และ น.ส.ต่าย ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล อายุ 25 ปี สัญชาติลาว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1401-1402/2556 ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2556 ข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงาน, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ และรู้ว่าเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมต่อสิ่งใดโดยกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต หรือทรัพย์สิน, ช่วยเหลือ ซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และจ้างบุคคลต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต จับกุมได้ที่บริเวณตลาดสดมหาชัย จ.สมุทรสาคร
นางปวีณา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา มีหญิงสาวชาวลาว 2 คน หลบหนีมาขอความช่วยเหลือกับพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปคม.หลังถูกนายหน้านำตัวไปขายให้กับนายจ้าง โดยมีการบังคับให้ทำงานขายผักอยู่ที่ตลาดมหาชัย โดยไม่ได้รับเงินค่าจ้างแต่อย่างใด เมื่อทำงานเสร็จแล้วก็จะถูกกักขังตัวไว้ที่บ้านไม่ให้ออกไปไหน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง ก่อนจะติดตามจับกุมตัวไว้ดังกล่าว นอกจากนี้ได้ขยายผลเข้าช่วยเหลือหญิงสาวชาวลาวอีก 6 คน โดยพบว่าทั้งหมดอายุไม่ถึง 17 ปี ทั้งหมดอ้างว่าถูกนายหน้าหลอกให้มาทำงาน
สอบสวน น.ส.วิรัช ให้การปฏิเสธว่า แรงงานชาวลาวทั้งหมดนั้น มีนายหน้าจัดส่งมาให้โดยตนต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นจำนวน 12,000 บาทต่อราย ที่ผ่านมาจะให้ผู้เสียหายทั้งหมดช่วยทำงานขายผัก คอยจัดสินค้า เฝ้าแผงค้า และเก็บเงินลูกค้าที่ตลาดมหาชัย โดยจ่ายค่าจ้างให้คนละ 3,500 บาทต่อเดือน ใช้วิธีโอนเข้าบัญชีธนาคารไปให้กับพ่อแม่ของเด็กทุกๆ เดือน ส่วนผู้เสียหายทั้งหมดก็จะให้กินนอนอยู่ด้วยกัน หากมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวใดๆ ตนก็เป็นฝ่ายออกให้
น.ส.วิรัช ให้การอีกว่า ส่วนผู้เสียหาย 2 รายที่เข้าแจ้งความดำเนินคดีในครั้งนี้ ตนเพิ่งรับเข้ามาทำงานได้ประมาณ 10 กว่าวันเท่านั้น เมื่อทำงานไปพักหนึ่งทั้งสองก็ไม่อยากทำงานต่อ จึงบอกกับตนให้ช่วยบอกกับนายหน้า ซึ่งตนก็ตามใจและขอให้นายหน้ามารับตัวกลับไป โดยตนพร้อมจะว่าจ้างแรงงานคนอื่นมาทำงานแทนได้อยู่แล้ว แต่ทั้งสองกลับหลบหนีไปแล้วไปแจ้งความ ตนยืนยันว่าไม่เคยบังคับหรือทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย จึงไม่รู้สาเหตุที่ต้องมาถูกดำเนินคดี และยังรู้สึกว่าข้อหารุนแรงเกินไป ตนเปิดแผงค้าผักมา 30 ปี ว่าจ้างแรงงานทั้งคนไทยและต่างด้าวมาทำงานก็ไม่เคยมีปัญหา นอกจากนี้ที่ตลาดมหาชัยก็มีแผงค้าที่ใช้แรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมากคล้ายๆ กับตน เจ้าหน้าที่จึงควรดำเนินการอย่างเป็นธรรมด้วย
ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ดำเนินคดีต่อไป