xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอุทธรณ์ประหารชีวิต “เสธ.เอ้” ร่วมแก๊งผลิตยาบ้า

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุม 2 ผู้ต้องหาจำเลยในคดียาเสพติด  ขอบคุณภาพจาก คมชัดลึกออนไลน์ (www.komchadluek.netX
ศาลอุทธรณ์ประหาร “เสธ.เอ้” - จำคุกตลอดชีวิต “เสธ.หยวก” ร่วมแก๊งผลิตยาบ้าที่ จ.ฉะเชิงเทรา ศาลชี้คำเบิกความพยานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น

ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (16 ส.ค.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีดำ อย. 3363/2551ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.อ.พิสิษฐ์ หรือกฤตนัย หรือภัทระ หรือธีรวุฒิ อมรวิสัยสรเดช หรือเสธ.เอ้ และ พ.ท.สุรยุต สังข์เทพ หรือ เสธ.หยวก นายทหารสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตาม พ.ร.บ.มาตรการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 8 วรรค 2 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

คดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณปี 2540 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสองกับนายประเสริฐ สินบัณฑิต กับพวกรวม 3 คน ที่ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต และพวกที่ยังหลบหนี ได้สมคบกันมีเมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้าชนิดผง น้ำหนัก 23,784 กรัม ประมาณ 23.7 กิโลกรัมเศษ ราคาประมาณ 40 ล้านบาท พร้อมอุปกรณ์การผลิตยาบ้า รวม 116 รายการ กระทั่งวันที่ 8 พฤศจิกายน 2540 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายประเสริฐกับพวกได้พร้อมกับยาบ้าและของกลางจำนวนมาก ที่บ้านเลขที่ 316 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดี ต่อมาจำเลยทั้งสองได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน บช.ปส.และให้การปฏิเสธโดยตลอด

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2552 เห็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 8 วรรคสอง มาตรา 10 ประกอบด้วย พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 65 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคสอง (เดิม) ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ลงโทษฐานร่วมกันผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่าย อันเป็นบทหนักสุดให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง ทั้งนี้ คำรับสารภาพของจำเลยที่สองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่สองไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 1 ให้ประหารชีวิตสถานเดียว ต่อมาจำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์อ้างว่าถูกซัดทอดกลั่นแกล้งให้ต้องรับโทษ ขอให้ศาลยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนโดยละเอียดรอบครอบแล้วเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ รวมทั้งคำซัดทอดของนายเศรษฐ์นันท์ สิริจิระสุข หรือเกาไช่หลุน จำเลยคดีค้ายาเสพติดที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต เบิกความยืนยันว่าจำเลยทั้งสองร่วมกับตนผลิตยาเสพติดที่หมู่บ้านกฤษดานคร 19 และที่ อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดยาบ้าพร้อมอุปกรณ์จำนวนมาก โดยจำเลยที่ 2 มีหน้าที่หาน้ำยาเคมี ส่วนจำเลยที่ 1 นำรถยนต์ของทางราชการมาขนย้ายยาเสพติด รวมทั้งนายเศรษฐ์นันท์ก็ให้การรับสารภาพ และศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษแล้ว จึงไม่ได้รับผลประโยชน์จากการซัดทอดนี้ และข้อเท็จจริงที่เบิกความล้วนเกี่ยวข้องกับบุคลที่สามารถอ้างอิงได้ สอดรับกับคำให้การของพยานโจทก์2 ปาก ที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 จึงไม่มีข้อระแวงสงสัยว่าคำเบิกความของนายเศรษฐ์นันท์ และพยานโจทก์เป็นการปรักปรำจำเลยทั้งสอง ให้รับโทษร้ายแรง โดยไม่มีมูลความจริง ที่จำเลยที่ 1 เบิกความว่า นายเศรษฐ์นันท์ โทรศัพท์ข่มขู่ จำเลยที่ 1 นั้น เห็นว่า นายเศรษฐ์นันท์ เป็นบุคคลธรรมดา ไม่สามารถข่มขู่จำเลยที่ 1 ได้ นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ได้นำสืบว่า คนทั่วไปไม่สามารถเข้าห้องทำงาน และใช้รถประจำตำแหน่งของจำเลยที่ 1 ได้ โดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน เห็นว่า การนำสืบไม่อาจบ่งชี้ได้ว่า ไม่มีเหตุกระทำผิดระเบียบได้ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 นอกจากจะมีพิรุธ ขัดต่อเหตุและผลหลายอย่างแล้ว ยังมีน้ำหนักน้อย ไม่อาจรับฟัง หรือหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้

ที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ นายเศรษฐ์นันท์โกรธเคืองจำเลยที่1ไม่สามารถช่วยเหลือให้เข้ารับราชการทหาร และข่มขู่ว่า หากวันใดถูกจับกุมได้จะซัดทอดว่าจำเลยที่ 1 อยู่เบื้องหลังการค้ายาเสพติดเห็นว่านายเศรษฐ์นันท์ถูกจับกุมได้ เนื่องจากกระทำผิดที่ประเทศไต้หวัน ไม่ใช่เหตุจากจำเลยที่ 1 อีกทั้งนายเศรษฐ์นันท์รับสารภาพด้วยตัวเอง อุทธรณ์ข้อนี้ จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ส่วนที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่าผู้กระทำผิดคือนายประเสริฐ สินบัณฑิต กับพวกรวม 3 คน เห็นว่าข้อเท็จจริงจากคำเบิกความของนายเศรษฐ์นันท์ เชื่อมโยงกับคำเบิกความของพยานโจทก์อีก 2 ปากซึ่งเป็นทหาร พยานหลักฐานของโจทก์ จึงไม่มีเพียงคำซัดทอดของนายเศรษฐ์นันท์เพียงอย่างเดียว ที่จำเลยอ้างว่าพยานโจทก์เบิกความขัดแย้งกันเอง เห็นว่าพยานโจทก์เบิกความเป็นลำดับขั้นตอน สมเหตุสมผลน่าเชื่อถือ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยทั้งสองกระทำผิดฐานร่วมกันผลิตเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้านั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น

อย่างไรก็ตาม ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองและพวกสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยตกลงร่วมกันผลิต และจัดหาอุปกรณ์การผลิต แต่ไม่บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นชอบด้วย

พิพากษาแก้บางข้อหาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 8 วรรคสอง ประกอบด้วยพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 65 วรรคสอง (เดิม), ส่วนโทษและนอกเหนือจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น ซึ่งให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ให้จำคุกตลอดชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ศาลได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้พนักงานอัยการโจทก์ฟังเท่านั้น ส่วนจำเลยทั้งสองขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี และได้ส่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปอ่านให้จำเลยทั้งสองฟังแล้วเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น