ศาลประหารชีวิต 3 ราย แก๊งค้ายาบ้า 3.8 ล้านกว่าเม็ด-ไอซ์ 70 กก. เช่าบ้าน “ลูกตาล” อดีตรองนางสาวไทย ในหมู่บ้านย่าน จ.ปทุมธานี ไว้พักยา ศาลชี้พยานหลักฐานชัดเจน แต่ให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนคนขับรถจำเลยที่ 4 ให้ยกฟ้อง แต่ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์
ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 15.30 น.วันนี้ (24 มิ.ย.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดียาเสพติด หมายเลขดำ ที่ อย.2166/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายนิพนธ์ กันชาติ หรือแดง เสี่ยเจ้าของเต็นท์รถมือสอง หรือ “แดง เป็นต่อ” และเครือข่ายยาเสพติด “ฟูเฉิน”, พ.ต.ปิยะณัฐ หรือเอ็ด เกษจำรัส อดีตนายทหารสังกัดกองพันทหารช่าง กองทัพภาค 3, จ.ส.อ.วีนัส หรือซิป ศรีใจ และนายชาญไชย หรือโจ โจเวลลานอส ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ตามลำดับ ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปกระทำผิด พ.ร.บ.ยาเสพติด พ.ศ. 2522
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่างเดือน ม.ค. 2555 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบยาไอซ์จำนวนหนึ่งภายในรถยนต์โตโยต้า คัมรี่ สีขาว ทะเบียน ฌบ 1510 กรุงเทพมหานคร ที่เสียหลักพุ่งชนกำแพงปูนกั้นขอบมอเตอร์เวย์ (วงแหวนรอบนอกตะวันออก) ต.คลองสี่ จ.ปทุมธานี รวมทั้งโน้ตบุ๊กยี่ห้อโซนี่ มีเอกสาร และบัตรประจำตัวสมาชิกองค์การตรวจสอบอำนาจรัฐ (สากล) ระบุชื่อนายนิพนธ์ จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. ตำแหน่งปฏิบัติการปัญหาเส้นเขตแดน และการข่าวความมั่นคง (สากล) เจ้าหน้าที่จึงขยายผลทราบว่าจำเลยทั้งหมดกับพวกอีก 2 คน ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันสมคบกันมีเมทแอมเฟตามีน หรือยาบ้า ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 จำนวน 3,846,000 เม็ด ยาไอซ์อีก 71 ก้อน หนัก 70 กก.เศษ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยเช่าบ้านเลขที่ 3 หมู่บ้านสัมมากร รังสิตคลอง 2 ถ.สายรังสิต-นครนายก ต.ประชาธิปัตย์ อ.เมือง จ.ปทุมธานี ของนางจริญญา หาญณรงค์ หรือลูกตาล อดีตรองนางสาวไทย เดือนละ 27,000 บาท ไว้เป็นที่พักยาเสพติดจำนวนมหาศาลไว้ รวมทั้งจำเลยที่ 1 ยังได้เช่าบ้านเลขที่ 55/496 หมู่บ้านพฤกษ์ลดา 1 หมู่ 6 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ไว้เป็นที่พักและซุกซ่อนยาเสพติดบางส่วน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าตรวจค้นจับกุมจำเลย พร้อมยาเสพติดของกลาง รถยนต์ตู้สีขาว ทะเบียนตรากงจักร 9028 โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง ถุงใส่ยาเสพติด แล้วนำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพโดยตลอด ส่วนจำเลยที่ 2- 3 ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนแต่ให้การปฏิเสธในชั้นศาล สำหรับจำเลยที่ 4 ให้การปฏิเสธโดยตลอด
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษบทหนักสุดฐานครอบครองยาเสพติดให้โทษฯ พิพากษา ประหารชีวิต คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1ไว้ตลอดชีวิต ขณะที่จำเลยที่ 2-3 นั้นพยานหลักฐานโจทก์ ตรวจพบลายมือแฝงของจำเลยทั้งสองที่รถยนต์ตู้ที่ใช้ลักลอบขนยาเสพติดจาก จ.เชียงราย หลายครั้งหลายหน ข้อต่อสู้ของจำเลย ไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ พิพากษาฐานร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษฯ อันเป็นบทหนักสุดให้ประหารชีวิต แต่คำให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต
สำหรับจำเลยที่ 4 รับฟังได้แต่เพียงว่าเป็นผู้รับจ้างให้ขับรถตู้ ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด จึงไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะลงโทษได้ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 แต่ให้ขังไว้ในระหว่างอุทธรณ์และให้ริบของกลาง