อธิบดีดีเอสไอ แถลงผลจับกุมผู้ต้องหาฉ้อโกงประชาชน ตุ๋นเหยื่อลงทุนร่วมทำธุรกิจแชร์ร้านหนังสือ แผ่นซีดี ร้านคาร์แคร์ และซื้อขายที่ดินเพื่อแลกกับผลตอบแทนร้อยละ 10 มูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท
วันนี้ (14 ส.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ (ระดับ 9) ดีเอสไอ พ.ต.ท.ศันทนะ แก้วทับทิม รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ดีเอสไอ ร่วมแถลงข่าวจับกุมนายวชิระ พูลเพิ่ม 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 153 หมู่ 1 ต.เดิมบาง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี และนางพิมลพรรณ พูลเพิ่ม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 1381-1382/2556 ข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และฉ้อโกงประชาชน หลังหลอกลวงผู้เสียหายให้นำเงินมาลงทุนในธุรกิจแชร์ร้านหนังสือ แผ่นซีดี ร้านคาร์แคร์ และซื้อขายที่ดิน เพื่อแลกกับผลตอบแทนร้อยละ 10 ต่อเดืิอนของเงินลงทุน แต่ต่อมาไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนให้ตามสัญญา
พ.ต.ท.ศันทนะ แก้วทับทิม รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ดีเอสไอ กล่าวว่า สำหรับคดีแชร์ไฮโซ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหาย 14 ราย เข้าร้องทุกข์ดีเอสไอให้ดำเนินคดีกับนายวชิระ และนางพิมลพรรณ สองสามีภรรยา หลังได้ชักชวนผู้เสียหายให้นำเงินไปลงทุนในกิจการคาร์แคร์ ร้านหนังสือ ร้านซีดี และอสังหาริมทรัพย์ซื้อขายที่ดินในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี และสุพรรณบุรี ตั้งแต่ปี 2553-2556 เพื่อแลกกับผลตอบแทนร้อยละ 10 ต่อเดือนของเงินลงทุน ต่อมาวันที่ 31 พ.ค.นางพิมลพรรณ ได้แจ้งผู้เสียหายว่าจะเลิกกิจการเนื่องจากถูกโกง ไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนหรือเงินลงทุนคืนให้ได้ ทางผู้เสียหายพยามสอบถามรายละเอียดก็ไม่ให้รายละเอียด เมื่อไปตรวจสอบกิจการร้านหนังสือในห้างแห่งหนึ่งย่านพระราม 2 ก็ปรากฏว่าร้านหนังสือได้ปิดกิจการตั้งแต่ ม.ค.2556 แต่ผู้เสียหายยังถูกชวนให้ร่วมลงทุนถึง พ.ค.56 ผู้เสียหายจึงคิดว่าน่าจะถูกผู้ต้องหาหลอกลวงให้ร่วมลงทุน จึงมาแจ้งความกับดีเอสไอให้สืบสวนดำเนินคดี
รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดีเอสไอพบว่า ร้านหนังสือแห่งนี้เป็นของลุงนางพิมลพรรณ โดยมีการไปรับหนังสือเก่าจากย่านบางพลัดมาขายที่ร้านรักการอ่าน เชื่อว่ากิจการร้านหนังสือจะมีผลตอบแทนให้สมาชิกที่ร่วมลงทุนไม่ถึงร้อยละ 10 ต่อเดืิอน ถือเป็นผลตอบแทนที่สูงมาก เพราะร้านหนังสือขณะนี้กิจการไม่ดี ประชาชนหันไปบริโภคสื่อทางอินเทอร์เน็ต ที่ผ่านมาผลประกอบการแทบไม่พอค่าเช่าร้าน แต่ยังชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุน รวมทั้งในชั้นสอบสวนนางพิมลพรรณ ให้การว่าไม่มีการชักชวนมาลงทุน แต่เป็นการนำเงินของผู้เสียหายปล่อยเงินกู้ ดอกร้อยละ 10 ต่อเดือน พร้อมให้การอ้างว่าได้ให้เพื่อนเก่าเป็นคนปล่อยกู้ต่อ ดีเอสไอจึงไปสอบพยานคนดังกล่าวก่อนปฏิเสธยืนยันว่านางพิมลพรรณเป็นคนปล่อยกู้ โดยพยานได้กู้เงินไปให้ดอกเบี้ยร้อยละ 15-20 ต่อเดือน
พ.ต.ท.ศันทนะ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของนางพิมลพรรณ กับผู้เสียหาย โดยมีรายละเอียดการโอนเงินผลตอบแทนร้อยละ 10 ให้ผู้เสียหายจริงตรงกับที่ผู้เสียหายให้การไว้ว่าได้ลงทุนในเดือนไหนบ้าง และได้ผลตอบแทนมาเท่าไหร่ ดีเอสไอจึงสรุปพยานหลักฐานว่า นางพิมลพรรณ มีธุรกิจร้านหนังสืออย่างเดียว ไม่มีกิจการร้านคาร์แคร์ ร้านซีดี และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตามที่กล่าวอ้าง จากการสอบสวนดีเอสไอเห็นว่านางพิมลพรรณ กับนายวชิระ มีเจตนาที่จะหลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหายโดยชักชวนให้มาร่วมลงทุน เพื่อแลกกับผลตอบแทนในอัตราที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ส่วนผู้เสียหายมาจากหลายสาย ทั้งเพื่อนนักเรียนมัธยมของนายวชิระ และผู้เสียหายที่เป็นเพื่อนเรียนปริญญาโทที่ประเทศออสเตรีย ของนางพิมลพรรณ มูลค่าความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท
รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า มีผู้เสียหายส่วนหนึ่งที่ไม่รู้จักกับผู้ต้องหาจึงไม่มีความเป็นไปได้ที่จะกลั่นแกล้ง ดังนั้นคำให้การของผู้เสียหายจึงมีน้ำหนักว่ามีการชักชวนให้รวมลงทุน และการต่อสู้ของนางพิมลพรรณไปต่อสู้ประเด็นเรื่องการปล่อยเงินกู้ไม่มีน้ำหนัก ดีเอสไอจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญา ก่อนศาลจะอนุมัติหมายจับและติดตามจับกุมตัวได้ก่อนเที่ยงวันนี้ เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธขอให้การในชั้นศาล ดีเอสไอจึงจะควบคุมตัวไปฝากขังต่อศาลอาญาต่อไป
วันนี้ (14 ส.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ (ระดับ 9) ดีเอสไอ พ.ต.ท.ศันทนะ แก้วทับทิม รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ดีเอสไอ ร่วมแถลงข่าวจับกุมนายวชิระ พูลเพิ่ม 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 153 หมู่ 1 ต.เดิมบาง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี และนางพิมลพรรณ พูลเพิ่ม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 หมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม.สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 1381-1382/2556 ข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และฉ้อโกงประชาชน หลังหลอกลวงผู้เสียหายให้นำเงินมาลงทุนในธุรกิจแชร์ร้านหนังสือ แผ่นซีดี ร้านคาร์แคร์ และซื้อขายที่ดิน เพื่อแลกกับผลตอบแทนร้อยละ 10 ต่อเดืิอนของเงินลงทุน แต่ต่อมาไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนให้ตามสัญญา
พ.ต.ท.ศันทนะ แก้วทับทิม รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ดีเอสไอ กล่าวว่า สำหรับคดีแชร์ไฮโซ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหาย 14 ราย เข้าร้องทุกข์ดีเอสไอให้ดำเนินคดีกับนายวชิระ และนางพิมลพรรณ สองสามีภรรยา หลังได้ชักชวนผู้เสียหายให้นำเงินไปลงทุนในกิจการคาร์แคร์ ร้านหนังสือ ร้านซีดี และอสังหาริมทรัพย์ซื้อขายที่ดินในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี และสุพรรณบุรี ตั้งแต่ปี 2553-2556 เพื่อแลกกับผลตอบแทนร้อยละ 10 ต่อเดือนของเงินลงทุน ต่อมาวันที่ 31 พ.ค.นางพิมลพรรณ ได้แจ้งผู้เสียหายว่าจะเลิกกิจการเนื่องจากถูกโกง ไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนหรือเงินลงทุนคืนให้ได้ ทางผู้เสียหายพยามสอบถามรายละเอียดก็ไม่ให้รายละเอียด เมื่อไปตรวจสอบกิจการร้านหนังสือในห้างแห่งหนึ่งย่านพระราม 2 ก็ปรากฏว่าร้านหนังสือได้ปิดกิจการตั้งแต่ ม.ค.2556 แต่ผู้เสียหายยังถูกชวนให้ร่วมลงทุนถึง พ.ค.56 ผู้เสียหายจึงคิดว่าน่าจะถูกผู้ต้องหาหลอกลวงให้ร่วมลงทุน จึงมาแจ้งความกับดีเอสไอให้สืบสวนดำเนินคดี
รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดีเอสไอพบว่า ร้านหนังสือแห่งนี้เป็นของลุงนางพิมลพรรณ โดยมีการไปรับหนังสือเก่าจากย่านบางพลัดมาขายที่ร้านรักการอ่าน เชื่อว่ากิจการร้านหนังสือจะมีผลตอบแทนให้สมาชิกที่ร่วมลงทุนไม่ถึงร้อยละ 10 ต่อเดืิอน ถือเป็นผลตอบแทนที่สูงมาก เพราะร้านหนังสือขณะนี้กิจการไม่ดี ประชาชนหันไปบริโภคสื่อทางอินเทอร์เน็ต ที่ผ่านมาผลประกอบการแทบไม่พอค่าเช่าร้าน แต่ยังชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุน รวมทั้งในชั้นสอบสวนนางพิมลพรรณ ให้การว่าไม่มีการชักชวนมาลงทุน แต่เป็นการนำเงินของผู้เสียหายปล่อยเงินกู้ ดอกร้อยละ 10 ต่อเดือน พร้อมให้การอ้างว่าได้ให้เพื่อนเก่าเป็นคนปล่อยกู้ต่อ ดีเอสไอจึงไปสอบพยานคนดังกล่าวก่อนปฏิเสธยืนยันว่านางพิมลพรรณเป็นคนปล่อยกู้ โดยพยานได้กู้เงินไปให้ดอกเบี้ยร้อยละ 15-20 ต่อเดือน
พ.ต.ท.ศันทนะ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของนางพิมลพรรณ กับผู้เสียหาย โดยมีรายละเอียดการโอนเงินผลตอบแทนร้อยละ 10 ให้ผู้เสียหายจริงตรงกับที่ผู้เสียหายให้การไว้ว่าได้ลงทุนในเดือนไหนบ้าง และได้ผลตอบแทนมาเท่าไหร่ ดีเอสไอจึงสรุปพยานหลักฐานว่า นางพิมลพรรณ มีธุรกิจร้านหนังสืออย่างเดียว ไม่มีกิจการร้านคาร์แคร์ ร้านซีดี และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตามที่กล่าวอ้าง จากการสอบสวนดีเอสไอเห็นว่านางพิมลพรรณ กับนายวชิระ มีเจตนาที่จะหลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหายโดยชักชวนให้มาร่วมลงทุน เพื่อแลกกับผลตอบแทนในอัตราที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ส่วนผู้เสียหายมาจากหลายสาย ทั้งเพื่อนนักเรียนมัธยมของนายวชิระ และผู้เสียหายที่เป็นเพื่อนเรียนปริญญาโทที่ประเทศออสเตรีย ของนางพิมลพรรณ มูลค่าความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท
รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า มีผู้เสียหายส่วนหนึ่งที่ไม่รู้จักกับผู้ต้องหาจึงไม่มีความเป็นไปได้ที่จะกลั่นแกล้ง ดังนั้นคำให้การของผู้เสียหายจึงมีน้ำหนักว่ามีการชักชวนให้รวมลงทุน และการต่อสู้ของนางพิมลพรรณไปต่อสู้ประเด็นเรื่องการปล่อยเงินกู้ไม่มีน้ำหนัก ดีเอสไอจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญา ก่อนศาลจะอนุมัติหมายจับและติดตามจับกุมตัวได้ก่อนเที่ยงวันนี้ เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธขอให้การในชั้นศาล ดีเอสไอจึงจะควบคุมตัวไปฝากขังต่อศาลอาญาต่อไป