xs
xsm
sm
md
lg

ชาวชุมชนรักษ์กัลยาณ์ร้อง ปปป.สอบเจ้าอาวาสวัดดังทุบทำลายโบราณสถาน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ประธานกลุ่มองค์กรชุมชนรักษ์กัลยาณ์ พร้อมชาวบ้าน 159 คน บุกร้อง ปปป.สอบสวนเอาผิดกับเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร พร้อมบริวารสั่งทุบทำลายโบราณสถานและโบราณวัตถุ 27 รายการ จากทั้งหมด 89 รายการ

วันนี้ (9 ส.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ (บก.ปปป.) เมื่อเวลา 13.30 น. นายชัยสิทธิ์ กิตติวณิชพันธุ์ ประธานกลุ่มองค์กรชุมชนรักษ์กัลยาณ์ อยู่บ้านเลขที่ 294 ซอยอรุณอมรินทร์ 6 แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กทม. พร้อมด้วยนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และชาวบ้าน 159 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมปราชญ์ เภาพงษ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ปปป.เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่กรมศิลปากร ,สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ พนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม ที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ โดยปล่อยให้ พระธรรมเจดีย์ ประกอบ ธรรมมฺเสธโฐ เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร กับบริวาร ดำเนินการทุบทำลายโบราณสถาน และโบราณวัตถุ รวม 27 รายการ จากทั้งหมด 89 รายการ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนต่อกรมศิลปากรไว้แล้ว โดยนำภาพถ่ายและเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบให้พนักงานสอบสวนไว้ประกอบการพิจารณาดำเนินการ

นายสงกานต์กล่าวว่า ที่ผ่านมานับตั้งแต่เจ้าอาวาสรูปนี้เข้ามาดำรงตำแหน่งประมาณปี 2546 ได้มีการรื้อถอนทุบทำลายโบราณสถาน โบราณวัตถุภายในวัดดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และกระทำการโดยลุแก่อำนาจ แม้ว่าเมื่อปี 2552 ทางชาวบ้านจะเข้าร้องต่อศาลปกครองกลาง จนศาลมีคำสั่งคุ้มครองให้ระงับการแก้ไขเปลี่ยนแปลง รวมทั้งรื้อถอน ต่อเติม ทำลาย เคลื่อนย้ายโบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลปวัตถุภายในบริเวณวัดแห่งนี้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น แต่ทางเจ้าอาวาสกับบริวารกลับเพิกเฉย สำหรับวัตถุประสงค์ของการรื้อถอนโบราณสถานและโบราณวัตถุต่างๆ นั้น ก็เพื่อสร้างลานจอดรถและกุฏิสงฆ์ ซึ่งไม่สมเหตุผล นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความเสียหายต่อสมบัติของชาติอีกด้วย

“ที่ผ่านมาชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้ได้ทำหนังสือถึงกรมศิลปากรถึง 15 ฉบับ แต่ทางกรมศิลปากร อ้างเพียงว่าได้ดำเนินการโดยแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บุปผารามไว้แล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีการเข้ามาระงับยับยั้งการทุบทำลายโบราณสถาน โบราณวัตถุอันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ ซึ่งหากปล่อยไว้คงไม่ใช่เพียง 27 รายการ ที่ถูกทำลายไปแล้ว โดยอาจจะมีการทุบทำลายในส่วนที่เหลือ จนหมดทั้ง 89 รายการ เรื่องที่เกิดขึ้นจึงมีข้อเคลือบแคลงสงสัย เพราะทางเจ้าอาวาส ก็ไม่เคยยอมพูดคุยกับชาวบ้าน และเคยบอกเพียงว่าไม่มีใครทำอะไรได้ อย่างไรก็ตาม หากทาง บก.ปปป.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่ากรณีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดก็ขอให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป” นายสงกานต์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการเข้าร้องทุกข์ดังกล่าวแล้ว ทางนายชัยสิทธิ์ และกลุ่มชาวบ้านชุมชนวัดกัลยาณ์ ได้เข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เพื่อขอให้สืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ไวยาวัจกร และผู้ที่เกี่ยวข้องในความผิดฐานลักทรัพย์ทำลายทรัพย์ ที่เป็นการกระทำต่อวัด สำนักสงฆ์ สถานที่ทางศาสนา โบราณสถานอันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ทวิ วรรค 2 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-15 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-30,000 บาท และความผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถาน มาตรา 7, 10, 32, 33 และ 35

ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า เนื่องจากกรณีดังกล่าวมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายแห่ง และผู้ร้องทุกข์ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม ท้องที่เกิดเหตุไว้แล้ว หลังจากนี้คงจะมีการประสานไปยังพนักงานสอบสวนท้องที่ว่าดำเนินการไปอย่างไรบ้าง และในส่วนของ บก.ป.ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.ณัฐปกรณ์ ปัญญาดี พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ กก.1 บก.ป.สอบปากคำผู้ร้องทุกข์ไว้ในเบื้องต้น
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และชาวบ้าน 159 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สมปราชญ์ เภาพงษ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ปปป.เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่กรมศิลปากร ,สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ พนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม ที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ โดยปล่อยให้ พระธรรมเจดีย์ ประกอบ ธรรมมฺเสธโฐ เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร กับบริวาร ดำเนินการทุบทำลายโบราณสถาน และโบราณวัตถุ รวม 27 รายการ จากทั้งหมด 89 รายการ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนต่อกรมศิลปากรไว้แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น