xs
xsm
sm
md
lg

ดีเอสไอส่งสำนวนคดี “พีซีซี-ผู้บริหาร” ฮั้วประมูลสร้างโรงพัก 396 แห่ง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)
ดีเอสไอส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง “พีซีซี-ผู้บริหาร” คดีฮั้วประมูลทุจริตก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งทั่วประเทศ อัยการนัดสั่งคดี 25 ก.ย.นี้

วันนี้ (26 ก.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พ.ท.ธีรวัฒน์ คงมนต์ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ระดับชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ นำตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนคดีฮั้วประมูลในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 369 แห่ง และพยานหลักฐานจำนวน 15 แฟ้ม 4,809 หน้า พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นต์ แอนด์ คอนตรัคชั่น จำกัด, นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล ประธานบริษัท พีซีซีฯ และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พีซีซีฯ ผู้ต้องหาที่ 1-3 ในข้อหา โดยทุจริตร่วมกันเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐโดยรู้ว่าราคานั้นต่ำมากเกินกว่าปกติ จนเห็นได้ชัดว่าไม่เป็นไปตามลักษณะสินค้าหรือบริการ หรือเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐสูงกว่าความเป็นจริงตามสิทธิที่จะได้รับ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และการกระทำเช่นว่าเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 8 มาส่งมอบให้นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เพื่อพิจารณาสั่งคดี

พ.ท.ธีรวัฒน์กล่าวว่า ในวันนี้ทางดีเอสไอได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมความเห็นสมควรฟ้องมามอบให้อัยการพิจารณา ซึ่งคดีดังกล่าวกลุ่มผู้ต้องหาได้เสนอราคาในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 แห่งต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งต่ำกว่าราคากลางถึง 540 ล้านบาท ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามสัญญา โดยคดีนี้ได้แยกสำนวนเป็นคนละส่วนกับคดีฉ้อโกง ซึ่งส่งสำนวนมอบให้อัยการไปแล้วก่อนหน้านี้ ส่วนจะสามารถรวมสำนวนเป็นคดีเดียวกันหรือไม่นั้นขึ้นอยู่ที่อัยการพิจารณา ส่วนคดีปลอมลายมือชื่อนั้น กลุ่มผู้ต้องหาได้ปลอมลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทำหน้าที่เป็นกรรมการตรวจรับงาน และตรวจสอบพบว่ามีการปลอมลายมือล่วงหน้าถึง 1 ปี เพื่อเบิกเงินจากธนาคารล่วงหน้า โดยทางดีเอสไอกำลังอยู่ระหว่างสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งมอบให้อัยการได้ในเร็วๆนี้

พ.ท.ธีรวัฒน์กล่าวอีกว่า ส่วนคดีที่มีนักการเมืองเกี่ยวข้องนั้น ทางดีเอสไอได้ส่งสำนวนไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.แล้ว ในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 157 ซึ่งใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ ยุบสัญญาจากรายภาครวมเป็นสัญญาเดียว มีผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี

ด้านนายรุจกล่าวว่า สำหรับสำนวนคดีฮั้วประมูลและคดีฉ้อโกงนั้น ทางอัยการได้นัดฟังคำสั่งในวันเดียวกัน คือวันที่ 25 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ทั้งนี้ทางอัยการคงจะไม่รวมสำนวน เนื่องจากเป็นคนละประเด็นกัน ซึ่งสำนวนแรกบริษัท พีซีซีฯ ได้ฉ้อโกงค่าจ้างของบริษัทรับเหมาช่วง ขณะที่สำนวนที่สองเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้วประมูลฯ จึงเป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งผู้ต้องหายังไม่ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ดีเอสไอได้ตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนคดีฉ้อโกงในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 369 แห่ง พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นต์ แอนด์ คอนตรัคชั่น จำกัด นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล ประธานบริษัท พีซีซีฯ นายวิศณุ วิเศษสิงห์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พีซีซีฯ และนายจตุรงค์ อุดมสิทธิกุล กรรมการบริษัท พีซีซีฯ ผู้ต้องหาที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงเงินค่าก่อสร้างผู้รับเหมาช่วง ในโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน จำนวนกว่า 90 ล้านบาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 มาส่งมอบให้นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เพื่อพิจารณาสั่งคดี ซึ่งอัยการได้นัดฟังคำสั่งในวันเดียวกับคดีฮั้วประมูล ในวันที่ 25 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
ผู้บริหารบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นต์ แอนด์ คอนตรัคชั่น จำกัด ตกเป็นผู้ต้องหาที่ 1-3
กำลังโหลดความคิดเห็น