ศาลอุทธรณ์ให้ส่งอดีตนักเรียนไทยไปสู้คดีฆ่า นศ.ออสเตรเลีย

ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตอดีตนักศึกษาไทย ถอนอุทธรณ์ไปต่อสู้คดีแทงหนุ่ม นศ.ออสซี ที่ประเทศออสเตรเลียได้ เจ้าตัวระบุถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำมา 3 ปี แต่คดีไม่คืบหน้า จึงตัดสินใจไปสู้คดี ยันไม่ใช่มือมีด

ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (26 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำสั่งศาลอุทธณ์คดี ดำ อผ.7/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายต่างประเทศ เป็นโจทก์ฟ้อง นายสารัต หรือ สุรัต หรือศรุต สีหวีระชาติ (Sarud or Surad Seehaverachart) อายุ 30 ปี อดีตนักเรียนไทยในประเทศออสเตรเลีย และนายธติยะ หรือกอล์ฟ เทิดพุทธธรรม (Thatiya Terdputham) อายุ 38 ปี เป็นจำเลยที่ 1 และ 2 เรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน

กรณีเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2552 จำเลยกับพวกรวม 3 คนได้ร่วมกันใช้อาวุธมีดแทงนายลุค มิทเชลล์ ชาวออสเตรเลีย จนถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา เหตุเกิดที่ถนนซิดนีย์ บรันสวิก รัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลีย เป็นความผิดอาญาตามกฎหมายออสเตรเลีย มีโทษจำคุกมากกว่า 1 ปี ต่อมาศาลประเทศออสเตรเลียได้ออกหมายจับจำเลยไว้แล้ว พร้อมประสานสำนักงานอัยการสูงสุดของไทยให้ออกหมายจับ ต่อมาตำรวจท่องเที่ยวสามารถจับกุมจำเลยได้ จากนนั้นกระทรวงการต่างประเทศจึงทำหนังสือแจ้งสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เพื่อดำเนินการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน แม้ว่าประเทศไทยและประเทศออสเตรเลียไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ประเทศออสเตรเลียเคยเป็นอาณาบริเวณของประเทศอังกฤษ จึงยกประกาศสัญญาว่าด้วยส่งผู้ร้ายข้ามแดนกันในระหว่างกรุงสยามกับอังกฤษ ร.ศ. 129 ประกอบการพิจารณา พร้อมจะกระทำตามสัญญาต่างตอบแทน หากมีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนในอนาคตให้แก่ทางการไทยด้วย

ในคดีนี้ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2554 ให้ขังจำเลยทั้งสองไว้เพื่อส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดียังประเทศออสเตรเลีย จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2556 นายธติยะ จำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น เนื่องจากต้องการไปต่อสู้คดีฆ่านายลุค มิทเชลล์ ที่ศาลประเทศออสเตรเลีย โดยเร็ว ภายหลังศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วมีคำสั่งอนุญาตแล้วให้นายธติยะ จำเลยที่ 2 ถอนอุทธรณ์ได้ และให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ และให้ขังไว้ระหว่างรอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน

ภายหลังนายธติยะ เทิดพุทธธรรม เปิดเผยสั้นๆ ว่า หลังจากตนถูกตำรวจท่องเที่ยวจับกุมตัวก็ถูกคุมขังระหว่างรอคำสั่ง อยู่ในเรือนจำนาน 3 ปีแล้วแต่คดียังไม่มีความคืบหน้า จึงตัดสินใจขอไปต่อสู้คดีที่ออสเตรเลียให้จบดีกว่า เพราะตนไม่ใช่คนลงมือแทงผู้ตาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้นายธติยะถูกเบิกตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์เพียงคนเดียว ส่วนนายสารัต จำเลยที่ 1 ยังถูกคุมขังเพื่อรอฟังคำสั่งส่งผู้ร้ายข้ามแดนของศาลอุทธรณ์ต่อไป