xs
xsm
sm
md
lg

“สุขุม” เดินเกมป่วนพาญาติพร้อมน้องชาย “สมีคำ” ร้อง ป.แจ้งจับ “เสี่ยกัง” ยักยอกทรัพย์

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


“สุขุม” เดินเกมป่วนพาญาติพร้อมน้องชาย “สมีคำ” เดินทางเข้าแจ้งความกองปราบฯดำเนินคดีต่อ “เสี่ยกัง” ฐานยักยอกทรัพย์ พร้อมยืนยันสมีคำจะเดินทางกลับไทยมาต่อสู้คดี แต่มีข้อแม้ว่าต้องมีหน่วยงานรัฐออกมารับรองจะไม่จับสึกก่อน หวั่นเป็นการมัดมือชกฆ่ากัน!

วันนี้ (25 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 14.30 น. นายสุขุม วงประสิทธิ ประธานเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม ได้พานายวิจารณ์ สมเทพ อายุ 47 ปี, นายชาญณรงค์ สมเทพ อายุ 49 ปี และนายสุริ สุขผล น้องชายของนายวิรพล สุขผล หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ก้องภพ มาสืบชาติ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.3 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายศุภราช หรือเสี่ยกัง วิริยะสืบพงศ์ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านแสงเจริญ ตั้งอยู่ที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นผู้จัดหารถยนต์ให้กับนายวิรพล หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ ในข้อหายักยอกทรัพย์ โดยทำหนังสือร้องทุกข์มอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาดำเนินคดี

นายสุขุมกล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายศุภราชได้โทรศัพท์มาหานายวิจารณ์ โดยบอกให้ส่งสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านไปให้ เพื่อจะทำเอกสารซื้อขายรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน กค 300 อุบลราชธานี ซึ่งเป็นรถนำเข้าที่ญาติพี่น้องของนายวิจารณ์ ได้จ่ายเงินซื้อรถคันดังกล่าวไปครบแล้วเป็นเงิน 400,000 บาท แต่หลังจากนำรถมาใช้งานแล้ว ยังไม่ได้รับการโอนทะเบียนมาเป็นของผู้ซื้อ ต่อมานายศุภราชกลับมาขับรถยนต์คันดังกล่าวและนำกลับคืนไป อ้างว่ากลัวจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต เพราะกำลังตกเป็นข่าวว่ามีส่วนพัวพันกับคดีรถหรูที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เมื่อนายวิจารณ์ได้ปรึกษากับทนายความแล้วจึงประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว

นายสุขุมกล่าวอีกว่า สำหรับกรณีรถหรูหลายคันที่อยู่ในขบวนของหลวงปู่เณรคำ เวลาเดินทางไปที่ต่างๆ นั้นก็ไม่ใช่รถของหลวงปู่เณรคำ แต่เป็นรถของนายศุภราช ที่ต้องการนำมาโปรโมตโดยอาศัยความมีชื่อเสียงและความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อหลวงปู่เณรคำ นอกจากนี้ยังใช้รับญาติโยมเพื่ออาศัยเดินทางไปกับขบวนด้วย ส่วนรถที่หลวงปู่เณรคำมีไว้ใช้งานจริงๆ นั้นมีอยู่เพียง 2 คันเท่านั้น ในส่วนของรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าคันนี้ใช้งานมา 4-5 ปีแล้ว นายศุภราชกลับมานำรถไปทั้งที่ได้จ่ายเงินซื้อแล้ว ทางนายวิจารณ์ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี แต่ญาติมีความประสงค์ที่จะเข้าแจ้งความที่ บก.ป.ด้วย เพราะเชื่อมั่นว่ามีความเป็นกลาง และสามารถให้ความเป็นธรรมในคดีได้

นายสุขุมกล่าวต่อว่า สำหรับกรณที่ทางดีเอสไอขอให้ตนเข้าให้ปากคำในระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีกับหลวงปู่เณรคำนั้น ตนได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอมาแล้ว แต่คงขอปรึกษากับนักกฎหมายก่อน และขอให้มีการออกหมายจากศาลมาเลย เมื่อศาลสั่งแล้วตนก็พร้อมจะให้ความร่วมมือในคดี ส่วนเรื่องภาพชายคล้ายกับหลวงปุ่เณรคำนอนอยู่กับหญิงสาวที่ปรากฏเป็นข่าวนั้นยังคงยืนยันว่าเป็นนายสุริ สำหรับข้อโต้แย้งเกี่ยวกับตำหนิ ทั้งไฝและรูปหน้าที่ไม่เหมือนนั้น นายสุริก็ยืนยันว่าตอนนั้นผอมและเป็นสิวจึงมีความเปลี่ยนแปลงไปจากภาพที่ปรากฏ และยังอยากให้ดีเอสไอช่วยตามหาอีกฝ่ายที่เป็นหญิงสาวด้วยว่าเป็นใคร เพราะทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยปรากฏตัวออกมา

นายสุขุมกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีหญิงสาวที่หอบลูกออกมาแล้วให้ข้อมูลว่ามีความสัมพันธ์กับหลวงปู่เณรคำนั้น ความจริงคือมีความสัมพันธ์กับนายสุริ ซึ่งนายสุริก็ยินดีที่จะให้ตรวจดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ความจริง อย่างไรก็ดี สำหรับหลวงปู่เณรคำ ตามที่ได้พูดคุยกับท่านยังยืนยันว่าจะกลับประเทศไทยในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ แต่มีเงื่อนไขว่าขอให้มีหน่วยงานของรัฐออกมารับรองว่า ทันทีหลวงปู่เณรคำลงจากเครื่องแล้วต้องไม่มีใครมาจับสึกท่านก่อน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการฆ่าท่าน และยืนยันด้วยว่าหลวงปู่เณรคำพร้อมจะให้ความร่วมมือในการต่อสู้คดีนี้โดยให้ความร่วมมือกับทางดีเอสไอหากมีหมายศาล

กำลังโหลดความคิดเห็น