หน.ศูนย์สอบทุจริตรับจำนำข้าวฯ เตรียมแจ้งข้อยักยอกทรัพย์ 4 โรงสี เนื่องจากข้าวได้หายไปจากคลัง พร้อมมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปตรวจสอบ 11 จุด ที่มีข้าวเกิน
วันนี้ (7 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการอำนวยการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำข้าว การเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันสาธารณภัย และการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณองค์กรส่วนท้องถิ่น (ศตข.) ได้เป็นประธานการสัมมนาโครงการบูรณาการการตรวจสอบปริมาณข้าวคงเหลือของรัฐบาล โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือเป็นวันที่ 2 โดย พล.ต.อ.วรพงษ์ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการเรียกทุกส่วนมาทำความเข้าใจพร้อมกันในการลงข้อมูลเพื่อตรวจสอบปริมาณข้าวของรัฐบาลหลังจากลงพื้นที่ไปตรวจสอบเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ การตรวจสอบปริมาณข้าวทั้งหมดจะเสร็จสมบูรณ์ เพราะตอนนี้ยังมีบางโรงสีที่ติดการรมยา จึงยังไม่สามารถตรวจสอบได้ จากการตรวจสอบตอนนี้ที่พบความผิดปกติ 27 จุดนั้น สามารถดำเนินคดีฐานยักยอกทรัพย์ 4 แห่ง เจ้าหน้าที่ตรวจพบข้าวได้หายไปจากคลังเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์เนื่องจากโรงสีต้องมีหน้าที่เก็บรักษาข้าวให้รัฐบาล
สำหรับโรงสีที่ถูกดำเนินคดีประกอบด้วย 1.จ.ชัยนาท มีมติให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อโรงสีวงศ์ชัยเจริญชัยกิจ บจก.วงษ์ชียเอ็นจิเนียริ่ง เลขที่ 40 หมู่ที่ 13 ต.เสื่อโฮก อ.เมือง จ.ชัยนาท กรณีมีข้าวสารหาย 555 ตัน มีสิ่งปลอมปน และข้าวเน่าเสียจำนวนมาก 2.จ.ปทุมธานี มีมติให้ อคส.ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับโรงสีไฟภิญโญพาณิช อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานีกรณีข้าวสารหาย จำนวน 12.3 ตัน 3.จ.สงขลา ให้ อคส.ร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อโรงสีเอกสุวรรณการค้า จ.สงขลา กรณีข้าวเปลือกหาย จำนวน 244.163 ตัน ข้าวสารหาย 180.2176 ตัน 4.จ.พัทลุง มีมติให้ อคส.ร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อโรงสีรุ่งอรุณ กรณีมีข้าวเปลือกเกิน และข้าวสารหายจากบัญชี
พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวต่อว่า ทั้ง 4 จุดที่ถูกดำเนินคดีฐานยักยอกทรัพย์มีความผิดชัดเจน ขณะนี้ได้ให้พนักงานสอบสวนไปรวบรวมพยานหลักฐาน และสืบสวนว่าข้าวหายไปได้อย่างไร ตลอดจนสอบสวนขยายผลว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ นอกจากนั้น กรมการค้าภายในได้สั่งปิด 8 โรงสี ให้หยุดรับจำนำข้าวชั่วคราว เนื่องจากพบว่ามีข้าวเปลือกเกิน ข้าวสารขาด ก็ให้ไปดำเนินการสีให้เรียบร้อย แล้วจะมีการตรวจสอบอีกครั้งว่าจำนวนข้าวสารข้าวเปลือกตรงตามบัญชีหรือไม่ และให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปตรวจสอบ 11 จุด ที่มีข้าวเกิน ซึ่งบางโรงสีอ้างว่ามีคำสั่งให้สีแต่สีไม่ได้เนื่องจากเครื่องเสีย บางโรงสีก็บอกว่าที่ข้าวเกินเพราะได้รับค่าตอบแทนเป็นข้าวในการสีข้าว ซึ่งต้องมีการตรวจสอบเอกสารย้อนหลังเป็นจำนวนมากดีเอสไอมีความชำนาญในการตรวจสอบ ส่วนอีก 12 จุด ให้ทางผู้ว่าราชการตรวจสอบเพิ่มเติมเนื่องจากมีปัญหาเรื่องความไม่ชัดเจนทางบัญชี
