xs
xsm
sm
md
lg

ปทส.บุกตรวจสวนสัตว์พาต้าหลังได้รับร้องเรียนสัตว์อยู่อย่างอนาถ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ขอบคุณภาพประกอบจากเวปพันทิป
ตำรวจ ปทส.บุกตรวจสอบพาต้าปิ่นเกล้า หลังถูกร้องเรียนว่า “ทรมานสัตว์” สภาพความเป็นอยู่ไม่เหมาะสม ชี้ อาจทบทวนใบอนุญาต

วันนี้ (19 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สวนสัตว์พาต้า พ.ต.อ.เขตขัณฑ์ บำรุงรัตน์ ผกก.1 บก.ปทส.พ.ต.ท.มงคล พรานสูงเนิน รอง ผกก.1 บก.ปทส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่เขตบางพลัด เดินทางเข้ามาตรวจสอบสวนสัตว์พาต้า ที่บริเวณข
วันนี้ (19 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สวนสัตว์พาต้า พ.ต.อ.เขตขัณฑ์ บำรุงรัตน์ ผกก.1 บก.ปทส.พ.ต.ท.มงคล พรานสูงเนิน รอง ผกก.1 บก.ปทส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เจ้าหน้าที่เขตบางพลัด เดินทางเข้ามาตรวจสอบสวนสัตว์พาต้า ที่บริเวณขั้น 6 และชั้นที่ 7 ของห้างสรรพสินค้าพาต้า ปิ่นเกล้า เลขที่ 125 ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพฯ หลังได้รับร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติว่า สวนสัตว์ดังกล่าวมีการทารุณสัตว์

พ.ต.ท.มงคล กล่าวว่า การเข้าตรวจสอบครั้งนี้เนื่องจากมีท่องนักท่องได้นำภาพถ่ายกอลิล่าร้องไห้ลงอินเตอร์เนท พร้อมทั้งผู้โพสยังบอกด้วยว่าที่นี่การทรมานสัตว์ และมีสภาพไม่เหมาะสมในการเลี้ยงสัตว์ป่า จึงประสานหน่วยงานต่างๆ เข้ามาตรวจสอบดังกล่าว โดยในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบพื้นที่ในการเลี้ยง ใบอนุญาต และตัวอาคาร ว่าถูกต้องตามหลักเกณฑ์ พรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าหรือไม่ หากพบว่ามีส่วนใดที่ไม่เหมาะสม จะส่งรายงานให้เจ้าหน้าที่กรมอุทยานไปพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร

นายวิวัฒน์ เสริมสิริมงคล ประธานกรรมการบริหารห้างสรรสินค้าพาต้า กล่าวว่า ภาพกอลิล่าร้องไห้ที่มีผู้นำโพสขึ้นอินเตอร์เนท จนทำให้หลายฝ่ายเข้าใจว่าทางสวนสัตว์ดูแลไม่ดี จริงๆ แล้วทางสวนสัตว์มีเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญดูแลอยู่ตลอด โดยทางสัตวแพทย์ก็ได้ยืนยันว่ากอลิล่านั้นไม่สามารถร้องไห้ได้ น่าจะเกิดจากความเข้าใจผิดของนักท่องเที่ยว และผู้โพสซึ่งไม่มีความรู้เกี่ยวกับสัตว์ เพราะกอลิล่านั้นไม่มีต่อมน้ำตาที่จะตอบสนองกับอารมณ์เหมือนกับมนุษย์ มีเพียงต่อมน้ำตาที่ไว้ใช้หล่อเลี้ยงตาเท่านั้น คนที่เข้ามาเสพข่าวหรืออ่านนั้นไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคนที่โพสนั้นมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านนั้นจริงหรือไม่ หรือว่าเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่งซึ่งโพสโดยที่ไม่รู้อะไร เมื่อเข้ามาอ่านก็เชื่อไปตามๆ กัน โดยในส่วนของเรื่องร้องเรียนนั้น ทางสวนสัตว์พาต้าก็ได้มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาตลอด ผ่านช่องทางต่างๆ

นายนิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนในเรื่องของผู้ที่กล่าวว่าสัตว์ป่าก็สมควรที่จะอยู่ในป่าไม่ควรนำมากักขังนั้น ตนมองว่า คนผู้นั้นกำลังฆ่าสัตว์ป่าอย่างนิ่มๆ เพราะอย่างที่เห็นในปัจจุบัน สัตว์หลายชนิดกำลังจะสูญพันธ์ลง และสวนสัตว์ก็เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ช่วยดำรง เพาะพันธ์ และรักษาพันธ์สัตว์ป่าหายาก ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นสถานที่ ที่ไว้ใช้เลี้ยง ดูแล และยังสามารถขยายพันธ์สัตว์ อีกทั้งยังให้ประโยชน์ได้อีกด้วย ซึ่งถ้ามองทางด้านธุรกิจแล้ว สวนสัตว์เป็นธุรกิจที่ไม่คุ้มทุนเลย แต่มีคุณค่าในเรื่องของการให้ความรู้แก่เด็กๆ และประชาชนต่างๆที่เข้ามาเยี่ยมชม ดังนั้นที่มีการกล่าวว่าทางเรานั้นมีการทรมานสัตว์นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะทางสวนสัตว์ได้ประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์สัตว์ต่างๆ มากมาย อย่างเช่น เสือดำและลิงชนิดต่างๆ ที่พึ่งให้กำเนิดลูกออก ซึ่งถ้าหากว่าสัตว์ถูกทรมาณจริงคงไม่สามารถผสมพันธุ์จนให้ลูกในที่เลี้ยงได้

จากนั้นทางผู้บริหารสวนสัตว์ได้พาเจ้าหน้าที่และคณะสื่อมวลชนโดนชมบริเวณสวนสัตว์ ที่บริเวณชั้น 7 โดยพบว่ามีสัตว์ จำพวก กอลอล่า ลิงชนิดต่างๆ เสือ หมี นกแก้ว และ แพะ รวมหลายสิบชีวิต อยู่ในกรง พร้อมกันนั้นเจ้าหน้าที่ยังได้ขึ้นบันได้ยังส่วนต่อของชั้น 7 พบสัตว์ อีกหลายชนิดประมาณ 30 ชีวิต อยู่ในกรง โดยบางตัวมีอาการซูบผอมคล้ายกับมีอาการป่วย

นายนิวัฒน์ เปิดเผยภายหลังจากพาคณะเจ้าหน้าที่ตรวจโดยรอบสวนสัตว์ ว่า หลังตรวจสอบแล้วขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทางเจ้าหน้าที่ เพราะทางเราปฎิบัติตามกฎระเบียบและกฎกระทรวงอยู่แล้ว เดิมทีมีการเพาะเลี้ยงผสมพันธุ์ ไว้ด้านบนชั้น 7 จำนวนมากขึ้น ซึ่งเปิดมาเป็นระยะเวลา 30 ปี พอมีการขยายพันธุ์เพิ่มประกอบกับบางตัวเจ็บป่วย จึงมีการขยายส่วนตัวพื้นที่พักสัตว์ที่ไว้รองรับ ก่อนหน้าที่เราได้ทำการขออนุญาตกรมอุทยานฯ เพื่อขอเปิดสวนสัตว์ที่ใกล้กับวัดศรีประวัติซึ่งเรามีเนื้อที่อยู่ประมาณ 8 ไร่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต แต่แนะนำให้เราทำเป็นสถานรับรองสัตว์ซึ่งทางเราก็ยินดีที่จะทำตาม จากนี้จะเร่งระบายสัตว์ที่อยู่ในส่วนต่อขยายไปยังสถานที่ที่ได้เตรียมไว้อย่างเร่งด่วน


ด้าน พ.ต.ท.มงคล กล่าวว่า จากการตรวจสอบยังไม่พบสิ่งผิดปกติ โดยพบเพียงแค่ส่วนต่อของชั้น 7 ซึ่งพบสัตว์ป่าชนิดต่างๆ กว่า 30 ชีวิต จากการสอบถามเบื้องต้นทางผู้บริหารสวนสัตว์บอกว่าจะนำสัตว์ที่อยู่ในที่ดังกล่าวไปไว้ยังสถานที่รับรองสัตว์ซึ่งทางสวนสัตว์ได้จัดเตรียมสถานที่พร้อมกรงขนาดใหญ่ ไว้ที่ย่านวัดศรีประวัติ จ.นนทบุรี และหากเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบอีกครั้งว่ายังไม่มีการเคลื่อนย้ายสัตว์ออกไปก็จะทำการยึดใบอนุญาตทันทีการเปิดสวนสัตว์ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น