ศาลอาญาใต้ไต่สวน “ฮิโรยูกิ” ช่างภาพญี่ปุุ่น-ผู้ชุมนุมแดง ถูกยิงเสียชีวิตแยกคอกวัว 10 เม.ย. 2553 พยานระบุเห็นชายชุดดำ 5 คนพร้อมอาวุธสงครามขับรถตู้หลบหนีหลังยิงปะทะทหาร
วันนี้ (16 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 403 ศาลอาญากรุงเทพฯใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตคดีหมายเลขดำ ช.1/2555 ที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 ยื่นคำร้องขอให้ชันสูตรพลิกศพนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ ช่างภาพชาวญี่ปุ่น สำนักข่าวรอยเตอร์ ที่เสียชีวิตขณะถ่ายภาพข่าวการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายวสันต์ ภู่ทอง อายุ 39 ปี และนายทศชัย เมฆงามฟ้า อายุ 44 ปี สองผู้ชุมนุมเสื้อแดง ซึ่งทั้งสามคนถูกยิงเสียชีวิตที่บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถนนดินสอ ใกล้สี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ในเหตุการณ์ขอคืนพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร ในสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
โดยในวันนี้อัยการนำ ร.ต.ชัยวัฒน์ ตะเพียรทอง อายุ 53 ปี ขึ้นเบิกความสรุปว่า ตนเป็นอดีตพลขับรถขนทหาร กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 21 รอ.โดยเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 เวลา 14.00 น. ทหารเริ่มปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ โดยเดินคืบหน้าไปตามถนนประชาธิปไตย มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ผู้ชุมนุมจึงถอยร่นไป ซึ่งทหารหน่วยของพยานมีโล่กับกระบองและสวมชุดปราบจลาจล แต่ไม่มีอาวุธปืน ส่วนผู้ชุมนุมถือไม้ เหล็ก ก้อนอิฐ และไม้เหลาแหลม แต่ไม่เห็นว่ามีอาวุธปืนหรือไม่ หลังปฏิบัติการผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง มีทหารบาดเจ็บถูกหามเข้ามา สอบถามทราบว่าโดนตีด้วยเหล็กท่อน้ำสำหรับเทปูน พยานจึงช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น หลังจากนั้นก็มีทหารบาดเจ็บจากการโดนก้อนอิฐปาและโดนตี แต่ไม่พบว่ามีทหารคนใดบาดเจ็บจากการถูกยิง ต่อมาเวลา 18.00 น.ได้รับคำสั่งทางวิทยุว่าให้หยุดเคลื่อนกำลังพล และถอนกลับไปที่กองบัญชาการกองทัพบก บริเวณแยก จปร.
ขณะรอกำลังพลอยู่ที่รถ กระทั่งเวลา 19.30 น.ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากแนวทหารที่อยู่ทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ต่อมาเวลาประมาณ 20.30 น. เห็นแสงไฟวาบในกลุ่มทหารและตามด้วยเสียงระเบิดหลายครั้ง จากประสบการณ์คาดว่าเป็นระเบิดเอ็ม 79 จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังตามมาอีกหลายนัด สักพักมีทหารบาดเจ็บถูกหามออกมาหลายนาย และเห็นพลทหารพากันวิ่งหนีออกมา พยานจึงช่วยหามไปขึ้นรถพยาบาล แต่ขณะรถพยาบาลเคลื่อนออกไป ก็ถูกกลุ่มคนเสื้อแดงขวางรถและไล่ตีทหารที่บาดเจ็บ
ร.ต.ชัยวัฒน์เบิกความต่อว่า กระทั่งเวลา 22.00 น.เศษ กำลังพลส่วนใหญ่เริ่มทยอยออกมา พยานจึงกลับรถที่สี่แยกวันชาติ และหันหน้ารถมุ่งหน้าไปทางกองบัญชาการกองทัพบก ขณะจอดรอกำลังพลมีรถตู้สีขาววิ่งสวนมาเฉียดกับรถพยานประมาณ 1 ช่วงแขน จากนั้นผู้โดยสารในรถตู้เปิดกระจกชะโงกมาด่าว่า “เป็นยังไงบ้าง ไอ้พวกเหี้...” ชายคนดังกล่าวใส่ชุดคลุมสีดำ เสื้อแจ็กเกตสีดำ สวมหมวกไหมพรมคลุมศีรษะ เห็นแต่ดวงตา ซึ่งในรถมีอยู่ประมาณ 5 คน รวมคนขับ บางคนใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก บางคนสวมไอ้โม่ง พยานเห็นอาวุธปืนอาก้า 1 กระบอก วางอยู่บนเบาะนั่งแถวที่ 2 ส่วนที่พื้นรถเห็นอาวุธปืนเอ็ม 16 ประมาณ 4 กระบอก โดยรถคันดังกล่าวถอดเบาะนั่งแถวหน้าออก แต่ไม่ทราบว่ารถตู้คันดังกล่าวจะมุ่งหน้าไปทางใด ในช่วงเกิดเหตุไม่ได้มองเห็นเหตุการณ์ขณะผู้ตายทั้ง 3 ถูกยิง เนื่องจากอยู่ไกลจากที่เกิดเหตุ แต่ภายหลังทราบจากข่าวว่ามีผู้เสียชีวิตหลายรายจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ภายหลังการไต่สวนเสร็จสิ้น ศาลนัดไต่สวนครั้งต่อไป วันที่ 17 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.