บช.น.แถลงผลจับกุมแก๊งอินโดนีเซียตระเวนก่อเหตุงัดรถชิงทรัพย์ในพื้นที่ร่มเกล้า จับผู้ต้องหาได้ 4 ราย โดยมีพฤติกรรมแอบเข้าไปทำธุรกรรมในธนาคารก่อนติดตามเหยื่อที่เบิกเงินสด และคอยจังหวะงัดรถฉกทรัพย์ ก่อคดีมาแล้วกว่า 10 ครั้ง
วันนี้ (11 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง พล.ต.ต.อิทธิพล พิยะภิญโญ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.พันธนะ นุชนารถ ผกก.สน.ร่มเกล้า พ.ต.ท.นคร ทองพานิช รอง ผกก.สส.สน.ร่มเกล้า พ.ต.ท.อุกฤช ศรีนิติวรวงศ์ สว.สส.สน.ร่มเกล้า ร.ต.อ.จารุวัจน์ ศรีราเพ็ญ รอง สว.สส.สน.ร่มเกล้า ร.ต.ท.วีรภัทร ภู่สุภานุสรณ์ พนักงานสอบสวน ช่วยงานสืบสวน ร.ต.ท.เทพไท้ ไกรยะฝ่าย พนักงานสอบสวน ช่วยงานสืบสวน ร.ต.ต.สมยศ เพียราช สน.ร่มเกล้า พร้อมฝ่ายสืบสวน สน.ร่มเกล้า ร่วมกับ พ.ต.ต.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ สว.งานสายตรวจ 1 ร.ต.อ.สมยา เจริญราษฎร์ รอง สว.งานสายตรวจ 1 กก.บก.สปพ. แถลงการจับกุมแก๊งชาวอินโดนีเซียงัดรถยนต์ฉกเงิน ประกอบด้วยผู้ต้องหา 4 ราย คือ นายแฮลมี เนอร์ อายุ 44 ปี, นายโซปัน พัทตรา อายุ 41 ปี, นายมูฮัมหมัด ปีทอป อายุ 49 ปี และนายเฮอร์ทีกา ซาเทรีย ปากู อายุ 45 ปี ทั้งหมดชาวอินโดนีเซีย พร้อมของกลางรถยนต์นิสสัน รุ่นอัลเมร่า 2 คัน รถยนต์นิสสัน รุ่นมาสด้า 2 จำนวน 1 คัน กระเป๋าเงินที่ได้จากการก่อเหตุ 16 ใบ เหล็กแหลม (ปีกเครื่องบิน) สำหรับงัดประตูรถยนต์ 1 อัน และเอกสารส่งเงินไปประเทศอินโดนีเซีย 15 ฉบับ จับกุมทั้งหมดได้ที่ห้อง 915 บัดดี้แมนชั่น ซอยรามคำแหง 81/4 เขตบางกะปิ แขวงคลองจั่น กรุงเทพฯ พร้อมกับผู้เสียหายเดินทางมาชี้ตัวและดูของกลางจำนวน 3 ราย
พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2556 เวลา 16.00 น. ฝ่ายสืบสวน สน.ร่มเกล้า รับแจ้งมีเหตุงัดประตูรถเก๋งนิสสัน รุ่นอัลเมร่า สีขาว ซึ่งจอดในลานจอดรถปั๊มน้ำมัน ปตท.ข้างโรงเรียน สารสาสน์วิทยา เขตร่มเกล้า ถนนร่มเกล้า และขโมยเงินสดจำนวน 105,000 บาท ของนางอรอนงค์ แก้วประดับรัฐ ผู้เสียหาย ที่เพิ่งเบิกเงินดังกล่าวจากธนาคารกสิกรไทย สาขารามคำแหง 151 ต่อมาฝ่ายสืบสวน สน.ร่มเกล้าทำการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด พบคนร้าย 4 คนเป็นชาวอินโดนีเซียขับรถยนต์ไปจอดที่ลานจอดรถธนาคารกสิกรไทย สาขารามคำแหง 151 จากนั้นเมื่อผู้เสียหายเบิกเงินเสร็จได้นำใส่กระเป๋าไปใส่ท้ายรถ จากนั้นจึงขับรถติดตาม
ต่อมาเมื่อผู้เสียหายจอดรถที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าว คนร้ายคือนายแฮลมี และนายโซปัน พัทตรา ลงจากรถที่ใช้ติดตาม ก่อนนายแฮลมีใช้เหล็กแหลมแทงไปที่ประตูฝั่งคนขับแล้วเปิดล็อกกระโปรงท้ายรถก่อนหยิบกระเป๋าใส่เงินของผู้เสียหาย มีนายโซปัน พัทตรา ยืนอยู่ท้ายรถเพื่อคอยดูต้นทาง จากนั้นเดินกลับขึ้นรถเก๋งนิสสัน รุ่นอัลเมร่า สีน้ำเงิน ทะเบียน 1 กฐ 9134 กรุงเทพมหานคร มีนายปีทอปเป็นคนขับ มีนายเฮอร์ทีกานั่งอยู่ในรถคอยช่วยเหลือในการก่อเหตุ จากนั้นทั้งหมดขับรถหลบหนีและนำเงินไปแบ่งกันที่ ห้อง 915 บัดดี้แมนชั่น ย่านรามคำแหง
พล.ต.ต.อิทธิพลกล่าวว่า ผู้เสียหายส่วนใหญ่จะทำธุรกรรมจากธนาคาร โดยคนร้ายจะแอบติดตามออกมา หากแวะจอดสถานที่อื่น และนำทรัพย์สินไว้ในรถก็จะแอบเข้าไปฉกทรัพย์ได้ทรัพย์สินมาแล้วหลายรายการ แต่หากเหยื่อไมได้แวะจอดไหน เมื่อติดตามแล้วขับรถกลับบ้านพักก็จะรอดไป ถือว่าต้องเข้มงวดปราบปรามในส่วนนี้ เพราะประเทศไทยต้องปรับตัวเพื่อต้อนรับประชาคมอาเซียน และแก๊งคนร้ายชาวต่างชาติจะแฝงตัวเข้ามาเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกลุ่มนี้ได้
พ.ต.อ.พันธนะกล่าวว่า จากการสอบสวนทราบว่า นายแฮลมี นายปีทอป นายเฮอร์ทีกา รับสารภาพว่าเข้ามาอยู่ในประเทศไทยประมาณ 1 ปี โดยแยกกันเช่าที่พัก นายแฮลมีพักที่ห้อง 915 บัดดี้แมนชั่น ซอยรามคำแหง 81/4 ส่วนนายปีทอป และนายเฮอร์ทีกาพักด้วยกันที่สายแก้วเพลส ซอยลาดพร้าว 71 สำหรับนายโซปัน พัทตรา เป็นหัวหน้าแก๊ง อยู่ในประเทศไทยมา 20 ปี มีภรรยาเป็นคนไทย เปิดร้านอาหารอยู่ที่ซอยแบริ่ง ทั้งหมดรับว่าก่อเหตุมามากกว่า 10 ครั้ง ส่วนรถยนต์ที่ใช้เช่าจากเพื่อนชาวฟิลิปปินส์ ชื่ออารี ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ในราคาเดือนละ 25,000 บาท จะเลือกเหยื่อตามธนาคารกสิกรไทยเป็นหลักในพื้นที่ย่านร่มเกล้า รามคำแหง ประเวศ และบริเวณใกล้เคียง เคยทำได้เงินสูงสุดประมาณสองแสนกว่าบาท จะนำมาแบ่งสัดส่วนที่เท่าๆ กัน เงินที่ได้นำไปใช้จ่ายเที่ยวสถานบริการ บางส่วนส่งกลับไปให้ครอบครัวที่ประเทศอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ ขยายผลทราบว่าคนร้ายก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง ที่ตรวจสอบได้คือ 1. วันที่ 3 เม.ย. 2556 ก่อเหตุที่โลตัส มีนบุรี ถนนรามคำแหง ได้เงิน 120,000 บาท 2. วันที่ 25 เม.ย. 2556 ก่อเหตุที่บิ๊กซี มีนบุรี ถนนรามคำแหง ได้เงิน 227,000 บาท ทั้งสองครั้งคนร้ายติดตามผู้เสียหายจากธนาคารกสิกรไทย สาขารามคำแหง 151 3. วันที่ 14 มิ.ย. 2556 ก่อเหตุที่ลานจอดรถของสถานีแยกสินค้า ไอซีดี ลาดกระบัง ได้เงิน 260,000 บาท ผู้เสียหายมาจากธนาคารกสิกรไทย สาขาประเวศ
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ โดยทำลายสิ่งกีดกั้นสำหรับบุคคลหรือทรัพย์ หรือรับของโจร, เอาไปซึ่งเอกสารของผู้อื่น และประสานไปยัง สตม. ร่วมติดตามผู้ร่วมขบวนการที่เหลือต่อไป อย่างไรก็ตาม หากมีผู้เสียหายถูกก่อเหตุลักษณะดังกล่าว สามารถสอบถามข้อมูลและเดินทางมาดูตัวผู้ต้องหาได้ที่ สน.ร่มเกล้า