ปคม.แถลงผลจับกุมสองแม่เล้าร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อการค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยคิดค่าบริการครั้งละ 2,000 บาท เพื่อหาเงินมาซื้อยาเสพติด แต่ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ
วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ประคัลภ์ แสงส่องฟ้า รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน ผกก.1 บก.ปคม. พ.ต.ท.จิรกฤต จารุนภัทร์ สว.กก.1 บก.ปคม.แถลงผลจับกุม น.ส.กฤษณีย์ หรือปู ไวเหลี่ยม อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 2 ต.ทุ่งกว่าว อ.เมืองปาน จ.ลำปาง และ น.ส.จรีรัตน์ หรือจุก นันชัย อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80/7 ซอยพหลโยธิน 51 หมู่ 6 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1069 และ 1070/2556 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2556 ตามลำดับ ข้อหาสบคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป กระทำผิดฐานค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี, ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ชักพาไปหน่วงเหนี่ยวกักขัง หรือรับไว้ซึ่งบุคคลอายุกว่า 15 แต่ไม่เกิน 18 ปี โดยบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยจับกุม น.ส.กฤษณีย์ ได้ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขาสะพานใหม่ ส่วน น.ส.จรีรัตน์ จับกุมตัวได้ที่หน้าสำนักงานเขตหลักสี่
พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา ผู้ปกครองของน.ส.น้อย (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ว่า ลูกสาวหายตัวไปจากบ้านพักเป็นเวลากว่า 4 เดือน และเพิ่งได้รับการติดต่อว่าอยากจะกลับบ้านแต่ถูกกักตัวไว้ จึงเกรงว่าจะได้รับอันตราย ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ น.ส.น้อยได้ที่บริเวณวัดเกาะ เขตสายไหม หลังจากถูกกลุ่มผู้ต้องหานำตัวมาทิ้งไว้
พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวต่อว่า จากการสอบสอบปากคำ น.ส.น้อย ทราบว่าก่อนหน้านี้เพื่อนได้ชักชวนให้เสพยาเสพติด และพาไปอาศัยอยู่ด้วยที่บ้านพักในซอยพหลโยธิน 51 จากนั้นจึงพบกับผู้ต้องหาทั้งสอง ซึ่งเป็นเอเยนต์ติดต่อลูกค้าให้ไปค้าประเวณี เพื่อหาเงินมาเสพยา โดยคิดเงินค่าบริการครั้งละ 1,500-2,000 บาท ครั้งแรกๆ ก็ให้เงินส่วนแบ่ง 1,000 บาท แต่ภายหลังกลับได้รับเงินเพียง 300-400 บาท โดยระหว่างนั้นก็จะถูกกักตัวไม่ยอมให้ไปไหน อย่างไรก็ตาม จากแนวทางการสืบสวนพบว่ายังมีผู้ร่วมกระทำความผิดอีกราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อไป
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธ โดย น.ส.จรีรัตน์ระบุว่า ตนมีอาชีพขายผลไม้ อยู่ที่หน้าสำนักงานเขตหลักสี่ ที่ผ่านมาหลานสาวเป็นคนพาผู้เสียหายไปอยู่ด้วย ตนไม่ทราบเรื่องและไม่เคยบังคับให้ค้าประเวณีแต่อย่างใด โดยเพิ่งพบผู้เสียหายแค่ 2-3 ครั้ง หลังจากหลานสาวพามาแนะนำตัว นอกจากนี้ตนก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านพักก็ไม่รู้ว่าเขาไปพบหรือติดต่อกับใคร จึงอยากขอความเป็นธรรม ซึ่งคดีนี้ตนยืนยันว่าจะขอให้การเพื่อต่อสู้คดีในชั้นศาล
ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้คุมผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.ดำเนินคดีต่อไป