ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุกตลอดชีวิต 2 หนุ่มฆ่าโหดสายตำรวจแจ้งเบาะแสยาเสพติด หลังประชุมหารือเห็นว่าทั้ง 2 มีพฤติการณ์รุนแรงโกรธแค้นเหยื่อ!
ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (7 มิ.ย.) ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีความผิดต่อชีวิต หมายเลขดำ 3236/2549 ที่อัยการสำนักงานอัยการพัทยา เป็นโจทก์ฟ้องนายกฤษณะ หรือ ปุ้ย ฉายพุดซา อายุ 32 ปี ชาว จ.นครราชสีมา และนายแสงธนู หรือ แบงก์ ชูจิตร อายุ 28 ปี เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานและกระทำทารุณโหดร้าย
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2549 เวลากลางคืน นายสายชล ทองบุตร และ น.ส.แจ่มจันทร์ สนาม ภรรยาได้ขี่รถจักรยานยนต์เพื่อไปเติมน้ำมันที่ปั๊ม ระหว่างนั้นจำเลยทั้งสองได้ขี่รถจักรยานยนต์ติดตามไป สาเหตุเนื่องจากโกรธแค้นที่เคยถูกนายสายชลแจ้งเบาะแสให้ตำรวจจับกุมในคดียาเสพติด ต่อมานายสายชลได้หยุดรถจักรยานยนต์ เพื่อขอเจรจาเรื่องที่จำเลยโกรธแค้น จากนั้นจำเลยได้ใช้ขวดเบียร์ตีนายสายชลเข้าที่แผ่นหลัง เตะต่อยที่ศีรษะอย่างแรงหลายครั้ง และใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะ รวมทั้งใช้มีดปลายแหลม กรีดที่ลำคอ จนหมดสติ ก่อนจะใช้น้ำสาดที่ใบหน้าให้นายสายชลฟื้นขึ้นมา โดยมี น.ส.แจ่มจันทร์ เข้าไปประคองสามี และคอยห้ามปราม แต่พวกจำเลยกลับใช้มีดสปาต้าตีที่ศีรษะ ใช้สนับมือชกต่อยที่ใบหน้าจากนั้นใช้เชือกไนลอนผูกขานายสายชลทั้งสองข้าง ส่วนปลายอีกข้างผูกกับรถจักรยานยนต์ ขี่ลากด้วยความเร็วไปตามทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรง ระหว่างนั้นมีรถกระบะแล่นมา จำเลยทั้งสอง จึงขี่ จยย.หลบหนีไป น.ส.แจ่มจันทร์ กับชายที่ขับรถกระบะช่วยกันพาร่างนายสายชล ส่ง รพ.และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว
เหตุเกิดบริเวณป่ามะพร้าว ถ.เก้ากิโล ม.2 ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ต.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี ติดตามจับกุมจำเลยทั้งสองได้ โดยให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลจังหวัดพัทยามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2551 เห็นว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5) ประกอบมาตรา 83 วางโทษประหารชีวิต ทางพิจารณาเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาบ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิต จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยยื่นฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสอง ส่อแสดงว่า โกรธแค้นผู้ตายมาก พฤติการณ์ของพวกจำเลยที่รุมทำร้ายผู้ตายอย่างรุนแรงด้วยวิธีการต่างๆ ผิดปกติวิสัยของบุคคลทั่วไปที่จะฆ่าให้ถึงแก่ความตายในทันที แต่การกระทำของจำเลยมีเจตนาที่ต้องการให้ผู้ตายได้รับความเจ็บปวดทุรนทุราย และทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ถือว่าเป็นการกระทำโดยทรมานและทารุณโหดร้าย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้ นายแสงธนู จำเลยที่ 2 เพียงคนเดียว ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ส่วนนายกฤษณะ จำเลยที่ 1 ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษพัทยา
